"อินเดีย-ปากีฯ" ตอบโต้ดุเดือด! "หุ้น-พันธบัตร" ถูกสอยร่วงตาม

28 ก.พ. 2562 | 05:36 น.
การปะทะกันครั้งล่าสุด ระหว่างอินเดียและปากีสถานในดินแดนแคว้นแคชเมียร์ ที่ทั้ง 2 ฝ่าย อ้างกรรมสิทธิ์และมีแนวชายแดนร่วมกัน ส่งผลให้เครื่องบินรบของทั้ง 2 ฝ่าย ถูกยิงตก และมีการประกาศปิดน่านฟ้าปากีสถาน เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินที่จำเป็นต้องมีการปรับเส้นทางบิน แม้ว่าจะต้องบินอ้อมระยะทางไกลกว่าเส้นทางเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงลูกหลงจากการสู้รบ แต่ยังมีผลต่อตลาดเงินตลาดทุน โดยตลาดหุ้นฝั่งยุโรป STOXX 600 ที่เปิดตลาดรับข่าวดังกล่าว ดัชนีติดลบ 0.5% ภายในชั่วโมงแรกของการซื้อขาย ขณะที่ ดัชนี S&P 500 ของฝั่งสหรัฐฯ ลดลง 0.1% หุ้นของเอเชียราคาปรับลดตาม ๆ กัน รวมทั้งพันธบัตรของอินเดียและปากีสถานที่มูลค่าลดลง ส่งผลให้นักลงทุนหันหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า อาทิ สกุลเงินเยน

IP2
ต้นเหตุของการปะทะครั้งนี้ เริ่มจากการที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดน Jaish-e-Mohammed (JeM) ที่มีแหล่งกบดานในแคชเมียร์ ฝั่งปากีสถานได้เข้าโจมตีอินเดียก่อน ด้วยการใช้คาร์บอมบ์ถล่มขวนรถของตำรวจอินเดีย เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ถึง 40 คน อินเดียตอบกลับด้วยการนำทัพฟ้าบินเข้าไปถล่มกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งอยู่ในฝั่งปากีสถาน เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินรบอินเดียล้ำเข้าสู่น่านฟ้าปากีสถาน ตั้งแต่ทั้ง 2 ฝ่าย เริ่มประกาศสงครามกันในปี 2514

 

[caption id="attachment_395948" align="aligncenter" width="503"] ทหารอากาศชาวอินเดียที่เครื่องบินถูกยิงตกในฝั่งปากีสถานและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ทหารอากาศชาวอินเดียที่เครื่องบินถูกยิงตกในฝั่งปากีสถานและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา[/caption]

เหตุการณ์ดังกล่าวกองทัพปากีสถานถือเป็นการรุกล้ำอธิปไตย จึงโต้กลับด้วยการยิงเครื่องบินรบของอินเดียที่ล้ำน่านฟ้าตกลงถึง 2 ลำ มีการเผยแพร่ภาพนักบินของอินเดียที่ถูกสอยร่วง ถูกจับกุมตัวในเขตแดนปากีสถาน ทำให้อุณหภูมิการเผชิญหน้าพุ่งถึงขีดสุด อินเดียประนามการกระทำของปากีสถานและเรียกร้องการปล่อยตัวนักบินอินเดียในทันที พร้อมตอบโต้ด้วยการยิงเครื่องบินรบของปากีสถานตกลง 1 ลำด้วยเช่นกัน สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้ฝ่ายปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เครื่องบินพาณิชย์และเครื่องบินพลเรือนที่ใช้เส้นทางดังกล่าวต้องเข้ามาเสี่ยงในวิถีกระสุน

ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) และจีน ต่างออกมาเรียกร้องให้ทั้งอินเดียและปากีสถาน ดำเนินการด้วยความยับยั้งชั่งใจ และระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ทั้งนี้ การสู้รบในดินแดนแคว้นแคชเมียร์นั้น มีมาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ยุคสมัยที่อินเดียยังอยู่ภายในการปกครองของจักรวรรดิอังกฤษ ภายในพื้นที่ไม่เพียงมีปมความขัดแย้งในเรื่องของประชาชนต่างศาสนา คือ ฮินดูและมุสลิม แต่ยังมีเรื่องของเขตพรมแดนของแคชเมียร์ที่ส่วนหนึ่งอยู่ในปากีสถาน (และประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) กับส่วนที่อยู่ในอินเดียซึ่งเป็นฮินดู สถานการณ์เพิ่มความยุ่งยากมากขึ้น เมื่อเกิดกลุ่มมุสลิมนิยมความรุนแรงในฝั่งปากีสถาน (และอินเดียกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มที่รัฐบาลปากีสถานให้การสนับสนุน) ต้องการรวมแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เกิดสงครามและการปะทะกันตลอดมากว่า 6 ทศวรรษ

นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2562 ว่า ไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบจากการปะทะกันในครั้งนี้ และเพื่อความปลอดภัยทั้งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี และอิสลามาบัด ได้ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยควรงดการเดินทางไปยังพื้นที่แคว้น Azad Jammu และ Kashmir หรือพื้นที่ใกล้เคียง และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์และผลกระทบ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตทั้งสองแห่งทาง โทร +91 959 932 1484 สำหรับสถานทูตไทย ณ กรุงนิวเดลี และโทร +92 315 900 9949 หรือเฟซบุ๊ก @Thai.Islamabad สำหรับสถานทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

090861-1927-9-335x503-8-335x503-13-335x503