ออโตโซไซตี้ | เบนซ์-BMW เพื่อนกันพันล้านยูโร
ปีที่แล้วเราเห็นข่าวที่ “เดมเลอร์ เอจี” (บริษัทแม่ของ เมอร์เซเดส-เบนซ์) ประกาศความร่วมมือกับ “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป” ตั้งบริษัทใหม่ เพื่อรองรับการบริการขนส่ง-การเดินทางรูปแบบใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์
ประเมินกันว่าในอนาคต พฤติกรรมใช้บริการเพื่อการสัญจร และความต้องการเป็นเจ้าของรถจะเปลี่ยนไป อันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เต็มๆ ดังนั้น 2 ค่ายใหญ่จากเยอรมนี จะนั่งๆนอนๆด้วยคิดว่า ขายรถหลัก 2 ล้านคันต่อปีก็สบายแล้วไม่ได้ครับ
ด้วยโครงสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยับตัวลำบาก และเพื่อแยกให้ชัดกับธุรกิจหลักคือการผลิตรถขาย ยักษ์จากเยอรมนีจึงตัดสินใจตั้งบริษัทลูกที่มีความคล่องตัวในการบริหารงาน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมไล่ล่าเทคโนโลยี(ข้อมูล)ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
...ทุกวันนี้ ดาต้า/บัญชี ของผู้ใช้งานหรือฐานลูกค้า ถือเป็นทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลนะครับ
สำหรับบริษัทใหม่ “เดมเลอร์ เอจี” และ “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป” จะถือหุ้นเท่ากัน 50/50 ด้วยมูลค่าการลงทุนที่เปิดเผยล่าสุด 1 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท)
ภายใต้ 5 บริการหลักคือ 1.REACH NOW บริการออพชันการเดินทางจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งที่หลากหลาย เช่น บริการเรียกรถ(แท็กซี่) เช่ารถ เช่ามอเตอร์ไซค์ 2. SHARE NOWบริการคาร์แชริ่ง 3.PARK NOW บริการจองที่จอดรถล่วงหน้า 4.FREE NOW บริการเรียกแท็กซี่ คนขับส่วนตัว สกูตเตอร์ไฟฟ้า และ5.CHARGE NOW สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดสามารถควบคุมสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน
นอกจากดีลนี้ ของ“เดมเลอร์ เอจี” และ “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป” แต่ละค่ายเขายังมีความร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆ เพื่อขยับปรับตัวรับกับคลื่นยักษ์ดิจิทัลที่กำลังถาโถม และเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง
ยุคใหม่แห่งการสัญจรน่าตื่นเต้นครับ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้เทคโนโลยีมาช่วยให้ชีวิตสะดวกสบาย มีความปลอดภัยมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมอันทุลักทุเลของโครงสร้างคมนาคม ลักษณะกายภาพด้านการจราจรที่มีความเฉพาะตัวของกรุงเทพมหานคร และพฤติกรรมการขับขี่รถของคนไทย รวมถึงผู้ให้บริการด้านการขนส่ง ที่เดาอารมณ์ในแต่ละวันยากเหลือเกิน
คอลัมน์ : ออโตโซไซตี้ โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,448 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2562
ประเมินกันว่าในอนาคต พฤติกรรมใช้บริการเพื่อการสัญจร และความต้องการเป็นเจ้าของรถจะเปลี่ยนไป อันส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เต็มๆ ดังนั้น 2 ค่ายใหญ่จากเยอรมนี จะนั่งๆนอนๆด้วยคิดว่า ขายรถหลัก 2 ล้านคันต่อปีก็สบายแล้วไม่ได้ครับ
ด้วยโครงสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยับตัวลำบาก และเพื่อแยกให้ชัดกับธุรกิจหลักคือการผลิตรถขาย ยักษ์จากเยอรมนีจึงตัดสินใจตั้งบริษัทลูกที่มีความคล่องตัวในการบริหารงาน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมไล่ล่าเทคโนโลยี(ข้อมูล)ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
...ทุกวันนี้ ดาต้า/บัญชี ของผู้ใช้งานหรือฐานลูกค้า ถือเป็นทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลนะครับ
สำหรับบริษัทใหม่ “เดมเลอร์ เอจี” และ “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป” จะถือหุ้นเท่ากัน 50/50 ด้วยมูลค่าการลงทุนที่เปิดเผยล่าสุด 1 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท)
ภายใต้ 5 บริการหลักคือ 1.REACH NOW บริการออพชันการเดินทางจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งที่หลากหลาย เช่น บริการเรียกรถ(แท็กซี่) เช่ารถ เช่ามอเตอร์ไซค์ 2. SHARE NOWบริการคาร์แชริ่ง 3.PARK NOW บริการจองที่จอดรถล่วงหน้า 4.FREE NOW บริการเรียกแท็กซี่ คนขับส่วนตัว สกูตเตอร์ไฟฟ้า และ5.CHARGE NOW สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทั้งหมดสามารถควบคุมสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน
นอกจากดีลนี้ ของ“เดมเลอร์ เอจี” และ “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป” แต่ละค่ายเขายังมีความร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆ เพื่อขยับปรับตัวรับกับคลื่นยักษ์ดิจิทัลที่กำลังถาโถม และเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง
ยุคใหม่แห่งการสัญจรน่าตื่นเต้นครับ เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้เทคโนโลยีมาช่วยให้ชีวิตสะดวกสบาย มีความปลอดภัยมากขึ้น ในสภาพแวดล้อมอันทุลักทุเลของโครงสร้างคมนาคม ลักษณะกายภาพด้านการจราจรที่มีความเฉพาะตัวของกรุงเทพมหานคร และพฤติกรรมการขับขี่รถของคนไทย รวมถึงผู้ให้บริการด้านการขนส่ง ที่เดาอารมณ์ในแต่ละวันยากเหลือเกิน
คอลัมน์ : ออโตโซไซตี้ โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,448 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2562
