เวียดนามผงาดสวมบทเจ้าภาพ  “ซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ”

27 ก.พ. 2562 | 08:32 น.
การพบกันเป็นครั้งที่สองระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ มีขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ.นี้ ที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยฝ่ายนายคิมนั้นเดินทาง 2 วันครึ่งถึงก่อน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.ด้วยรถไฟขบวนพิเศษที่เป็นรถไฟกันกระสุน วิ่งจากเกาหลีเหนือผ่านจีนมายังเวียดนามและเข้าพักที่โรงแรมเมเลีย โฮเท็ล ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ มาด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่ง “แอร์ฟอร์ซวัน”

[caption id="attachment_395543" align="aligncenter" width="503"] ผู้นำเกาหลีเหนือมาถึงเวียดนามด้วยรถไฟขบวนพิเศษ ผู้นำเกาหลีเหนือมาถึงเวียดนามด้วยรถไฟขบวนพิเศษ[/caption]

[caption id="attachment_395546" align="aligncenter" width="503"] ประธานาธิบดีสหรัฐฯมาถึงด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯมาถึงด้วยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน[/caption]

[caption id="attachment_395564" align="aligncenter" width="503"] สองผู้นำพบกันที่ฮานอย สองผู้นำพบกันที่ฮานอย[/caption]

เป็นที่คาดหมายว่า นอกจากประเด็นการติดตามความคืบหน้าของกระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์-ยกเลิกทดลองขีปนาวุธที่ฝ่ายผู้นำเกาหลีเหนือยื่นเสนอตั้งแต่การพบกันครั้งแรกบนเกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 แล้ว จะมีการพูดถึงการปรับความสัมพันธ์สู่ “ระดับปกติ” ระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งน่าจะหมายถึงการค่อยๆยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯและสหประชาชาติมีต่อเกาหลีเหนือมาเนิ่นนานปี รวมถึงอาจจะมีการจัดตั้งสำนักงานประสานงาน(ทางการทูต) หรือ Liaison Offices แลกเปลี่ยนกัน ซึ่งเป็นรูปแบบของสำนักงานก่อนที่จะพัฒนาไปเป็นสถานเอกอัครราชทูตอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

hanoi

สำหรับสถานที่ที่จะใช้เป็นเวทีการพบปะครั้งสำคัญนี้คือโรงแรมโซฟิเทล เลเจนด์ เมโทรโปล และทำเนียบรัฐบาล นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้ใช้โอกาสในการเป็นเจ้าภาพการประชุมซัมมิทครั้งนี้ ประกาศให้โลกรู้ว่าเวียดนามนั้นได้ก้าวผ่านความยากลำบากของการเป็นประเทศที่โชกโชนไฟสงครามมาสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน เป็นดาวรุ่งทางเศรษฐกิจที่พร้อมเปิดรับนักลงทุนต่างชาติ และเป็นประเทศที่เปิดกว้างพร้อมให้ความสะดวกแก่บริษัทข้ามชาติแม้ว่าเวียดนามเองยังเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีสิทธิ์ขาดในทุกเรื่องก็ตาม

[caption id="attachment_395556" align="aligncenter" width="503"] นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามให้การต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามให้การต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ[/caption]

ในการเดินทางเยือนเวียดนามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในครั้งนี้ มีคณะผู้แทนภาคธุรกิจเอกชนติดตามมาด้วยและแน่นอนว่านอกจากการหารือทวิภาคีระดับผู้นำสหรัฐฯ-เวียดนามแล้ว ภาคเอกชนของทั้งสองฝ่ายยังมีการลงนามทำข้อตกลงความร่วมมือกันอีกหลายฉบับ เช่นการลงนามซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์โดยบริษัท แบมบู แอร์เวย์ส ของเวียดนาม และบริษัท เวียดนาม แอร์ไลน์ส กับบริษัท เซเบอร์ ของสหรัฐฯได้ลงนามจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมมือกันทางด้านเทคโนโลยี เป็นต้น ผู้นำสหรัฐฯกล่าวว่า เวียดนามเป็น “ตัวอย่าง”ที่ดีที่จะทำให้เกาหลีเหนือเห็นว่า เมื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์ออกจากคาบสมุทรเกาหลีไปได้แล้วนั้น จะสามารถสร้างความสัมพันธ์อย่างสงบสุขกับสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร และจะเห็นได้ว่าความสำเร็จทางเศรษฐกิจของเวียดนามนั้นน่าภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

รายงานของธนาคารโลกปี 2561 ชี้ว่า เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่ดึงดูดบริษัทต่างชาติจำนวนมากกว่า 10,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจที่เน้นการใช้แรงงานจำนวนมากและเป็นการผลิตเพื่อส่งออก เวียดนามยังเป็นประเทศที่ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับนานาประเทศเป็นจำนวนมาก ในปี 2560 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเวียดนามอยู่ที่ระดับ 223,780 ล้านดอลลาร์ ขยายเพิ่มจากระดับเพียง 26,337 ล้านดอลลาร์ในปี 2529 ส่วนรายได้ประชากรเฉลี่ยได้ขยับเพิ่มจาก 421.65 ดอลลาร์/คน/ปี ในปี 2529 มาสู่ระดับ 2,342.24 ดอลลาร์/คน/ปี ในปี 2560 นับเป็นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดภายในช่วงระยะเวลาเพียง 3 ทศวรรษ

595959859

[caption id="attachment_395287" align="aligncenter" width="335"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]