“เมื่อผมไม่เป็นสุข ใครก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข...”นำประโยค-คำพูดของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาให้ย้อนคิด เพื่อให้เข้าใจการเมืองใน โหมด “เลือกตั้ง” ที่กำลังปั่น “กระแส” จนไม่รู้อะไร?จริง และอะไรเท็จอยู่ในตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่อผนวกรวมกับการเคลื่อนไหว “ป่วน” เมืองทั้งบนดิน-ใต้ดินของกลุ่มการเมือง “ขั้ว-ฝ่าย” ต่างๆ
เริ่มตั้งแต่ปรากฏการณ์ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำชื่อ “บุคคลชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์” มาเสนอเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ต่อเนื่อง จนถึง “วาทกรรม” หนักแผ่นดิน ที่มีการตอบโต้กันไป-มา ระหว่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของ พรรคเพื่อไทย (พท.) กับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่เรื่องงบประมาณกองทัพ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร จนกระทั่งข่าวปล่อย-ข่าวลือ (ปลอม) ที่โพสต์และแชร์กันรัวๆ ทางโซเชียล
ต่อมายังพบเว็บข่าว ชื่อ “JOOKTHAI.COM” ที่โพสต์ข่าวปลอมและยังปลอมชื่อนักข่าว เพื่อเรียกยอดไลก์อย่างเมามัน โดยที่ฝ่ายความมั่นคงของ “รัฐบาล และคสช.” ทำได้เพียงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามและให้หน่วยงานที่ถูกพาดพิง แถลงแก้ข่าวเท่านั้น...เพราะเป็น “เว็บ” ที่ส่ง มาจากต่างประเทศ
จากความเคลื่อนไหวต่างๆ ข้างต้น จนกระทั่งล่าสุด เมื่อเวลา 15.55 น.ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่นายสุรชัย ชินชัย ทนายพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เดินทางไปยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดียุบพรรค ตามกำหนดเวลาที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ยื่นคำชี้แจงภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์
นายสุรชัย ให้สัมภาษณ์ว่าประเด็นหลักที่พรรคยื่นเพื่อแก้ข้อกล่าวหามี 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรก เรายืนยันเจตนาบริสุทธิ์และไม่มีเจตนาพิเศษใดๆ ที่มุ่งหวังให้เป็นอย่างอื่น? การเสนอชื่อ “แคนดิเดต นายกฯ” ก็เป็นไปด้วยบริสุทธิ์ใจ รวมทั้งเป็นความประสงค์และความยินยอมจากผู้ได้รับการเสนอชื่อ!!!!
[caption id="attachment_394787" align="aligncenter" width="500"]
[/caption]
ประเด็นที่ 2 การเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็ขอแก้ข้อกล่าวหาถึงความหมายของคำว่า ปฏิปักษ์ ตามพจนานุกรมให้ความหมายว่า เป็นศัตรู-เป็นฝ่ายตรงข้าม ซึ่งน่าจะหมายถึงการนำระบอบคอมมิวนิสต์ มาใช้ปกครองในประเทศไทย หรือการเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113
ประเด็นที่ 3 ที่กกต.มีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญ “ยุบพรรค” ก็เป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากไม่มีการสืบสวนสอบสวนก่อน ถือเป็นการข้าม “ขั้นตอน” และไม่ชอบด้วยกฎหมาย พรรคจึงได้ยื่นบัญชีพยานบุคคลที่เป็นกรรมการบริหารพรรค 14 คน และพยานคนกลางที่เป็นบุคคลภายนอก 5 ปาก...
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวว่า “พยานคนกลาง” ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น “แคนดิเดต นายกฯ” ก่อนหน้านี้หรือไม่? นายสุรชัยชี้แจงว่า เป็นรายละเอียดที่นำเสนอต่อศาล ไม่สามารถเปิดเผยได้....จากเรื่องดังกล่าว ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไม?พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จึงยืนกรานที่จะเดิน “เกม” ดึงฟ้าต่ำไม่เลิก ทั้งที่มีประกาศพระราชโองการออกมาให้ทราบแล้ว
เมื่อเป็นอย่างนี้ จึงอดรู้สึก “ทึ่ง” จนเหลือเชื่อ กับวิธีเดิน “เกม” การเมืองของนายทักษิณและสมุนไม่ได้ เพราะได้เห็นแล้วเห็นอีกว่า เขากับสมุนทั้งในและนอกประเทศ ไม่ได้มีสำนึกในความเป็นคนไทยเลยแม้สักเล็กน้อย ตรงกันข้ามกลับมีเพทุบาย (คำว่า เพทุบาย ในพจนานุกรม แปลว่า ทำเล่ห์กลหรือทำอุบาย) และหลายคนคงได้เห็นมาแล้ว ว่าเขาและสมุนสามารถเปลี่ยนแปลง พลิกแพลงหรือยักย้ายพฤติการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าบางพฤติการณ์จะมีคนเห็น-คนรู้แล้วทั่วโลก แต่เขา-คนนี้ก็สามารถปฏิเสธ และตะแบงจนผ่านปัญหาไปได้อย่างหน้าตาเฉย ว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด แต่ถูกฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้ง จึงได้แต่หวังลึกๆ ว่า เพทุบาย (ใหม่) ล่าสุด จะทำให้นายทักษิณและสมุนถึงกาลวิบัติ-และแพ้พ่าย “ภัย” ทั้งปวงในวันหนึ่ง
| คอลัมน์ : อยู่กับปัจจุบัน
| โดย : พงษ์ศักดิ์ ศรีสด
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3447 หน้า 14 ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.2562