ฐานโซไซตี : "ทษช.-กกต." แลกหมัด ปมยุบพรรค "เป็น-ไม่เป็น" ปฏิปักษ์

 

งวดเข้ามาทุกขณะ สำหรับ “ไทม์ไลน์” การ “ยุบพรรค” ของไทยรักษาชาติ หรือ ทษช. พรรคเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งวันเวลาเดินเร็วเท่าไหร่ เวลาของ “ไทยรักษาชาติ” ก็เหลือน้อยเต็มที เนื่องด้วยวันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ เป็นวันที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” นัดที่จะพิจารณาคำร้องดังกล่าวอีกครั้ง ในเวลา 13.30 น. ขณะที่ “ไทยรักษาชาติ” ก็ได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ไม่ได้มีการยื่นเอกสารหรือหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด
เมื่อจับประเด็นคำชี้แจงสู้ข้อกล่าวหา“ยุบพรรค” ของ “ไทยรักษาชาติ”ที่กกต.ชี้ว่าการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯเป็นการทำผิดตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 92 (2) ฐานกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น“ไทยรักษาชาติ” ต่อสู้ว่าทําตามความประสงค์และความยินยอมของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ภายใต้รัฐธรรมนูญ อีกทั้งการเสนอชื่อเป็นการกระทําตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ลือกตั้งส.ส. มาตรา 13 และ 14 ไม่ใช่เป็นการกระทําที่อาจเป็น “ปฏิปักษ์”

นอกจากนั้น พรรคไทยรักษาชาติ สู้ว่าคําว่า “ปฏิปักษ์” ให้ความหมายว่า ฝ่ายตรงกันข้าม ข้าศึก ศัตรู แต่การกระทําของไทยรักษาชาติ ได้กระทําการเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเป็นความประสงค์ของทูลกระหม่อมฯ ที่อาสา และยินยอมให้ไทยรักษาชาติเสนอชื่อ มิใช่เป็นการแอบอ้างโดยพลการ ทั้งเห็นว่า กกต.ไม่มีอํานาจหน้าที่นําพระราชโองการมาขยายความกล่าวหาพรรคว่ากระทําผิดตามมาตรา 92 แห่งพ.ร.บ.พรรคการเมือง และมติกกต.ที่สั่งยุบพรรคไม่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีการสืบสวนไต่สวนก่อน โดยพรรคไทยรักษาชาติได้ยื่นบัญชีพยานบุคคล ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค 14 คน และพยานบุคคลภายนอก 5 ปาก

[caption id="attachment_394787" align="aligncenter" width="500"] [/caption]

เมื่อ “ไทยรักษาชาติ” ออกมา “หักล้าง” เช่นนั้น ทำให้ อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ออกมาตอบโต้ประเด็นที่กล่าวหาไม่มีการตั้งกรรมการไต่สวนว่า ขอให้ไปอ่านคำแถลงข่าวของ กกต. ที่ได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ และยืนยันว่า กกต.มีอำนาจพิจารณาตามมาตรา 92 แห่งพ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ระบุว่า“เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานและข้อเท็จจริงอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น” ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ที่ออกมายํ้าว่า การพิจารณาเป็นอำนาจของ กกต. “เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า” ก็สามารถส่งให้ศาลพิจารณาได้เลย ซึ่งกรณียุบพรรคที่กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพราะปรากฏหลักฐานให้กกต.เห็นและเชื่อได้ว่า มีการกระทำความผิด ตามมาตรา 92 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง
“2 ฝ่าย” ต่างก็มีเหตุผลของตนเอง เพราะฉะนั้น “ศาลรัฐธรรมนูญ” ซึ่งเป็น “คนกลาง” และคำวินิจฉัยถือเป็นอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะเป็นคนชี้ขาดว่า เหตุผลของใครฟังขึ้น ฟังไม่ขึ้น คาดว่าไม่วันพุธที่ 6 มีนาคมนี้ หรืออย่างช้าวันก็พุธที่ 13 มีนาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา...ออกมาก่อนที่จะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม อย่างแน่นอน... ต้องอดใจรอ แต่ “ว.เชิงดอย” ได้ฟันธงไปก่อนหน้านี้แล้วว่า “ยุบพรรค 100%”
อ้าว...นี่ก็จะเป็นอีกพรรคแล้วรึ ที่สุ่มเสี่ยง “ยุบพรรค” สำหรับพรรค “อนาคตใหม่” ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพราะเห็น อาจารย์เจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ออกมาบอกกรณีที่เว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ระบุประวัติของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผิดพลาด บอกว่าเคยเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2 สมัย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครนายก และเพิ่งมาแก้ไข หลังจากที่ถูกคนในโลกโซเชียลออกมาเปิดโปงว่า การปล่อยข้อมูลที่ผิดพลาดไว้ในเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่นานถึง 5 เดือน ในแง่กฎหมาย อาจไม่ได้มองว่า ตั้งใจหลอกลวง แต่ความเป็นพรรคที่ชูเรื่องของเทคโนโลยี และหาเสียงในโลกออนไลน์เป็นหลัก

เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องก็ควรรีบแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยทิ้งไว้นานถึง 5 เดือน ซึ่งการอ้างว่าเป็นความผิดพลาดของทีมงาน แต่ทิ้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้องไว้นานขนาดนี้ก็เป็นคำแก้ตัวที่อ้างยาก ซึ่งตามกฎหมายเลือกตั้งส.ส. มาตรา 73 (5) กำหนดห้ามไม่ให้ผู้สมัครจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยการหลอกลวง ซึ่งความผิดดังกล่าวมีโทษถึงขั้น “ยุบพรรค” จึงต้องติดตามดูว่าจะมีผู้ใดไปยื่นคำร้องเรื่องนี้ต่อ กกต.หรือไม่ และเรื่องนี้อาจถือเป็น “มรสุมการเมือง” ลูกใหม่ของพรรคอนาคตใหม่...ฝ่ายขั้ว ทักษิณ ทั้งนั้นเลย สุ่มเสียง “ยุบพรรค”

| คอลัมน์ : ฐานโซไซตี
| โดย : ว.เชิงดอย
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3447 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 24-27 ก.พ.2562