เจ.ดี.พูลส์ รุกหนักตลาดสระว่ายน้ำ ตั้งเป้ารายได้ขึ้นแท่นระดับพันล้าน

21 มี.ค. 2559 | 06:31 น.
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้ผลิตและจำหน่ายสระว่ายน้ำ เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ จากเดิมที่เป็นผู้นำเข้าสระว่ายน้ำและอุปกรณ์เพื่อจำหน่ายในปี 2540 ได้พัฒนาธุรกิจสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเอง โดยก่อสร้างโรงงานเพิ่ม 10,000 ตารางเมตร บนพื้น 12 ไร่ เพื่อขยายกำลังการผลิตและเป็นสถาบันสอนธุรกิจสระว่ายน้ำในปี 2557 ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท พร้อมทั้งปรับรูปแบบลงทุนขยายสาขามาเป็นระบบแฟรนไชส์รับสร้างสระว่ายน้ำในปีเดียวกัน ปัจจุบันมีสาขาทั่วประเทศรวม 19 สาขา ภายใต้นโยบายการให้บริการและคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคิดค้นนวัตกรรมการสร้างสระเร็ว มาตรฐานสูงและรับประกันยาวนานกว่า และสินค้าใหม่ๆ นำเสนอเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

“ปี 2558 บริษัทฯ มียอดขาย 800 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 20 โดยปัจจัยของความสำเร็จเกิดจากการตอบสนองพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภค ที่หันมานิยมติดตั้งสระว่ายน้ำภายในบ้านมากขึ้น ด้วยเพราะเล็งเห็นว่าสระว่ายน้ำเสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งของบ้าน ทำให้บ้านดูมีความทันสมัยและมีระดับ รวมถึงกระแสความนิยมการรักษาสุขภาพ ใช้สระว่ายน้ำเพื่อการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยของผู้สูงอายุ ใช้การแช่สระน้ำอุ่นเพื่อให้เกิดความอบอุ่นของร่างกาย รวมทั้งการเติบโตของตลาดสระว่ายน้ำในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศแถบอาเซียนที่เปิดประเทศรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC และปรับตัวเข้าสู่ประเทศท่องเที่ยว ซึ่งมีความต้องการสระว่ายน้ำเพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ โดยเจ.ดี.พูลส์ เป็นผู้ส่งออกสระว่ายน้ำในหลายๆ ประเทศ”

นายธนูศักดิ์ ประเมินว่าตลาดรับสร้างสระว่ายน้ำในประเทศปี 2559 มีมูลค่ารวมประมาณ 5,000  ล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มเติบโต แต่อาจไม่หวือหวามากนัก สืบเนื่องจากผู้บริโภคและนักลงทุนบางกลุ่มยังมีความระมัดระวังการลงทุน และรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดสระว่ายน้ำยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เนื่องจากสระว่ายน้ำกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง ที่บ่งบอกความทันสมัย สะท้อนถึงฐานะ กอปรกับเทรนด์ดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรงได้ส่งผลดีต่อตลาดสระว่ายน้ำอย่างมาก นอกจากนี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งโรงแรม รีสอร์ท และโครงการพักอาศัย ก็จำเป็นต้องมีสระว่ายน้ำเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ เพื่ออัพเกรดให้มีความเป็นพรีเมี่ยมและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการอีกทางหนึ่ง ปัจจัยบวกอีกประการที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาดสระว่ายน้ำคือ ปัจจุบันราคาของสระว่ายน้ำถูกลงกว่าในอดีต และธนาคารจัดหมวดหมู่สระว่ายน้ำเป็นของตกแต่งบ้าน ผู้บริโภคสามารถกู้สร้างสระพร้อมบ้านได้ด้วย ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของสระว่ายน้ำได้ง่ายขึ้น

“ปี 2559 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 20% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้จะเน้น 3 ส่วนหลักๆ คือ 1. ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ให้กว้างขึ้น โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าใหม่ และเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้าเดิม เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ผ้าปิดคลุมสระว่ายน้ำเพื่อความปลอดภัย (Safety Pool Cover) การออกแบบสระว่ายน้ำลายกระเบื้อง ระบบเกลือฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำแทนคลอรีน เป็นต้น และ 2.การขยายโชว์รูมในรูปแบบแฟรนไชส์ ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชส์สระว่ายน้ำ ในต่างจังหวัดเพิ่มอีก 4-5 จังหวัด ทั้งในจังหวัดภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลาง 3. การขยายตลาดต่างประเทศ ในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย”