'สมคิด' เตือนพรรคการเมืองจะหนาว!! จัดให้ 'ประยุทธ์' โชว์วิสัยทัศน์ มั่นใจ! ศก.ไทย หลังเลือกตั้งวิ่งฉิว

25 ก.พ. 2562 | 13:46 น.
'สมคิด' รับเลือกตั้งฉุดลงทุนไทย-เทศชะลอตัว ข้าราชการเกียร์ว่าง ยังมั่นใจครึ่งหลังหากรัฐบาลใหม่ส่งสัญญาณนโยบายเมกะโปรเจ็กต์อีอีซี ทั้งท่าเรือ สนามบิน เดินหน้าต่อเนื่อง ลงทุน-ส่งออกครึ่งหลังวิ่งฉิว จวกพรรคการเมืองไม่ต้องเหนียม นโยบายรัฐดีก็ต้องบอกว่าดี และควรต่อยอด ลั่น! พร้อมจัดให้ 'ประยุทธ์' โชว์เดี่ยววิสัยทัศน์

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2562 สาระสำคัญได้กล่าวว่า ช่วงนี้ใกล้วันเลือกตั้ง ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ค่อนข้างจะ "เละ" ไม่ได้พูดถึงความเป็นจริง จึงต้องมาสื่อสารให้เกิดความใจ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ได้แถลงตัวเลขไตรมาสที่ 4/2561 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทยขยายตัวได้ 3.7% และทั้งปี 2561 ขยายตัวที่ 4.1% และดัชนีเศรษฐกิจทุกตัวดีขึ้น ทั้งเรื่องการบริโภค การลงทุน ตัวเลขการท่องเที่ยว แต่น่าเสียดายใกล้เลือกตั้ง ข้าราชการส่วนหนึ่งเกียร์ว่างและหากการใช้จ่ายของภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถ้าไปได้ดี ตัวเลขจะดีกว่านี้

 

[caption id="attachment_394570" align="aligncenter" width="503"] ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์                                                     ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์[/caption]

"แต่อย่างว่า การเมืองไทยเมื่อไรที่เข้าถึงจุดตรงนี้ จะไปโทษข้าราชการก็ไม่ได้ รัฐบาลก็มีหน้าที่กระตุ้น นี่ขนาดกระตุ้นทั้งปียังได้แค่นั้น"

พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแกร่ง

ตัวเลขเศรษฐกิจไทยดังกล่าว ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างนี้ และการส่งออกที่ถดถอยเกือบทุกประเทศ ซึ่งกรณีประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 70% ของจีดีพี ก็แสดงว่า พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยขณะนี้มีฐานที่แข็งแรงพอสมควร ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ถึง 4.1% และต้องขอขอบคุณเอกชนที่ช่วยกันผลักดันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไต่ขึ้นมาจาก 0.9% มาเป็น 4.1% อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่า "ดี" แล้วอะไรที่เรียกว่าดี และหากมองย้อนกลับไป 10 ปี มีอย่างนี้หรือไม่ ทำอะไรกันบ้าง (รัฐบาลที่ผ่านมา) ซึ่งนึกไม่ออก เพราะเสียเวลาตีกันอยู่ 6-7 ปี ใช่หรือไม่

ทั้งนี้ ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้ชมไทยถึงเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่ง เพราะเป็นการเติบโตที่แน่นหนา มีสมดุล และที่สำคัญ เศรษฐกิจภายในประเทศสามารถเติบโตขึ้นมาช่วยประคับประคองภาคเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากการส่งออกได้ โดยระบุ ไทยมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะต้านกับภาวะเศรษฐกิจโลกในขณะนี้

ไม่เพียงเท่านั้น ค่าเงินบาทของไทยที่ภาคเอกชนบ่นเช้าเย็น (ว่าแข็งค่ามาก) จำได้หรือไม่ว่า เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว เคยอยู่ที่  25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ พอรัฐบาลในขณะนั้นลดค่าเงิน ค่าเงินบาทลงไปถึง 50-60 บาทต่อดอลลาร์ ตอนนั้นหนี้ท่วมหัว ธุรกิจเจ๊งกันเป็นแถบ และคิดกันว่า เมื่อไรเงินบาทจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 25 บาทต่อดอลลาร์ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ 20 ปีเศษแล้ว จึงกลับมามาสู่ตัวเลข 31 บาทต่อดอลลาร์ (ในขณะนี้)

ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะนี้ ถามว่าเป็นเพราะอะไร มีใครมาปั่นให้เงินบาทแข็งค่าหรือไม่ ก็เปล่า แต่ค่าเงินบาทสะท้อนถึงฐานะของไทยที่เข้มแข็งที่สุดในอาเซียนและเอเชีย เห็นได้จากดุลบัญชีเดินสะพัด เงินสำรองระหว่างประเทศ 2.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนี้สาธารณะ 40% อัตราเงินเฟ้อ 1% ดุลชำระเงินเกินดุลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (ตลท.) ไทยปี 2561 ตัวเลข 3 ไตรมาสแรก ปริมาณการซื้อขายทั้งระบบ 8.7 ล้านล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 11% และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 3 ไตรมาสแรก ปี 2561 กว่า 8 แสนล้านบาท เติบโต 16% กำไรสุทธิ 7 แสนกว่าล้านบาท

"ตรงนี้ไม่ต้องปฏิเสธเลย เงินมันไหลเข้าตลอด เทียบระหว่างไทยกับประเทศข้างเคียง เช่น เวียดนาม แม้เศรษฐกิจจะเติบโตดี แต่สถานะของประเทศเขาสู้เราไม่ได้ เราพัฒนาไกลกว่าเขา ความสงบ เสถียรภาพที่มีอยู่ ทำให้ไทยเป็น "สวรรค์" ของเงินลงทุน ค่าเงินบาทจึงแข็งค่าระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์"

เรื่องเงินบาทที่แข็งค่านี้ ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็พยายามประคองไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป แต่จะเอาระดับ 34 หรือ 37 บาทต่อดอลลาร์เป็นไปไม่ได้ เพราะ ธปท. ก็เคยขาดทุนบักโกรกจากการแทรกแซงค่าเงินตั้งแต่สมัยปี 2540 (วิกฤติต้มยำกุ้ง) ฉะนั้น นี่คือ ความจริงประเทศไทย

402785

4 ปีทำทุกทาง "แก้จน"

ดร.สมคิด กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันเข้ามาปีแรก (ปี 2557) พยายามผลักดันเศรษฐกิจให้ขยายตัวจากภายใน โดยส่วนตัวได้โทรศัพท์หาบอร์ด (คณะกรรมการ) รัฐวิสาหกิจด้วยตัวเอง ว่า รัฐวิสาหกิจใดใดสามารถลงทุนได้ก่อน เช่น ปตท. การไฟฟ้าฯ เพื่อชดเชยการส่งออกที่ชะลอตัวลง ซึ่งช่วง 4 ปี ภาพรวมเศรษฐกิจที่แท้จริง (เรียลเซ็คเตอร์) ดีขึ้น แต่มีคนบอกว่า คนจน "ยังจน" เศรษฐกิจไม่ดี ปัญหาปากท้องแก้ไม่ได้ ซึ่งขอถามดัง ๆ ว่า ความจนนี้เกิดตั้งแต่สมัยไหนแล้ว

"ผมเป็นรองนายกฯ คุมเศรษฐกิจ สมัยรัฐบาลไทยรักไทยปี 2546 คนก็ยังจนเหมือนกัน ไม่เช่นนั้น คงไม่มีนโยบายกองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค ความจนสั่งสมเป็นเพราะอะไร คนไทย 20-30 ล้านคน ผลิตได้แค่ 8% ของจีดีพี (ภาคเกษตรกรรม) แล้วไม่จนจะทนไหวได้ไง และคนอีกครึ่งหนึ่งของประเทศกว่า 30 ล้านคน กินส่วนแบ่งไป 90% (ภาคอุตสาหกรรม) ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ"

ดังนั้น หากยังผลิตพืชตัวเดียว ไม่สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า ไม่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย หรือ ไม่ใช่สมอง ใช้ข้อมูลต่าง ๆ เกษตรกรจะไปไม่รอด ขณะที่ นักการเมืองไปให้เงิน เช่น ข้าวเปลือกตันละ 1.5 หมื่นบาท (จำนำข้าวในรัฐบาลที่ผ่านมา) ใครจะปรับเปลี่ยนตัวเอง ไม่มีทางเลย ขณะที่ ประเทศอื่นไม่มีนโยบายเช่นนี้ สู้และพัฒนาตัวเอง เพิ่มผลผลิตแปรรูป หาทางขายสินค้าทางเว็บไซต์ โพรดักส์ทิวิตี้ชาวนาไทยจึงต่ำกว่าเวียดนาม มูลค่าต่ำกว่า คุณภาพก็ต่ำกว่า

ภาคอุตสาหกรรมก็เช่นเดียวกัน หากไม่ใช้ดาต้า ไม่ใช้อินเตอร์เน็ต ไม่ใช้ IoT ไม่ใช้ AI ไม่ปรับเปลี่ยนบิซิเนสโมเดล คิดว่าจะอยู่รอดหรือไม่ ซึ่งเวลานี้ เอสเอ็มอีไทยน่าห่วงมาก เพราะรายใหญ่ปรับตัวหมดแล้ว แต่รายย่อยยังไม่ค่อยปรับตัว เพราะมองไม่เห็น โชวห่วยถ้าไม่ช่วยอย่างเต็มที่อีก 5 ปี คงไม่เหลือ ถ้ารัฐบาลไม่ช่วยคงอยู่ไม่ได้ จากการขยายตัวของโมเดิร์นเทรด ยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีเปลี่ยน ซึ่งภาคอุตสาหกรรมต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ลำพังรัฐมนตรีแค่ 30 คน คงทำอะไรไม่ได้มากนัก นี่คือ ข้อเท็จจริง

402799

มั่นใจครึ่งหลังลงทุนทะลัก

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เมืองไทยขณะนี้เป็นจุดศูนย์กลางของของภูมิภาค ตนไปต่างประเทศมา ทุกคนรู้ว่า ที่นี่ต้องมา จีนก็กำลังมา ญี่ปุ่นก็อยู่ (ลงทุน) ตรงนี้อยู่แล้ว ปีนี้ไทยเป็นประธานอาเซียน หลายสิ่งดี ๆ กำลังจะเกิด ซึ่งเราต้องรู้จักสร้างตัวเองขึ้นมา สำหรับในปีนี้ เชื่อว่าครึ่งแรกจะเต็มไปด้วยความ "ผันผวน" ไม่มีพลังเท่าไหร่ เพราะทุกคนหยุดดู การลงทุนจากต่างประเทศก็หยุดดู (ทิศทางการเมืองไทย) การขับเคลื่อนงบประมาณก็จะไม่มีพลังเหมือนปีที่ผ่านมา จากทุกคนรู้ว่า กำลังจะมีเลือกตั้ง

"แต่ผมเชื่อว่า ครึ่งปีนี้เราจะประคองผ่านไปได้ ไม่น่าเกลียดจนเกินไป หลังเลือกตั้ง 24 มี.ค. ถ้ามีสัญญาณถึงความต่อเนื่องของเชิงนโยบาย ครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ผมเชื่อว่า เศรษฐกิจจะไปได้ดีต่อเนื่องแน่นอน เพราะในบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหมด เรามีทิศทางดีที่สุด เรามีโครงการลงทุนอยู่แล้วในมือ เพียงแต่ว่า ตอนนี้ต้องทั้งบดทั้งอัด เพื่อให้โครงการเดินหน้า ไม่ว่าโครงการขยายสนามบินต้องออกมา แหลมฉบัง มาบตาพุดตามมา อู่ตะเภา เดือน มี.ค. ต้องมีการประมูล ฉะนั้น 3-4 โครงการถ้าออกมาเมื่อไรคือการตอกย้ำอีอีซีต้องเกิดแล้ว ซึ่งญี่ปุ่นบอกว่า โครงการอีอีซีสำคัญมากสำหรับเมืองไทย อยากให้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจีน ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ เรามีโครงการลงทุน มีงบประมาณอยู่ในมือแล้ว เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เดินได้ ทั้งนี้การมีโครงการลงทุนอยู่ การส่งออกในครึ่งปีหลังไม่น่าจะเลวกว่าครึ่งปีแรก"

ส่วนการบริโภคภายในเมื่อความมั่นใจเกิด การเมืองมีความแน่นอนขึ้น และการท่องเที่ยวยังคงแข็งแรง ครึ่งปีหลังบวกความมั่นใจเข้าไป ไปได้แน่นอน ดังนั้น ต้องมั่นใจว่า ไม่ว่าพรรคใดจะมา (เป็นรัฐบาล) นโยบายเปลี่ยนแปลงยาก เพราะที่วางเอาไว้ดีอยู่แล้ว ไม่ควรเปลี่ยนอย่างยิ่ง ถ้ามีเหตุมีผล มีสายตาที่ไกลพอ และมีสมองมากพอ

จัดเวทีนายกฯ โชว์วิสัยทัศน์

ดร.สมคิด กล่าวอีกตอนหนึ่งว่า หนี้สาธารณะของไทย ไม่ถึง 50% ของจีดีพี ขณะที่ ญี่ปุ่น 200% ของจีดีพี มีตรงไหนที่บอกว่า เมืองไทยจะเจ๊ง ซึ่งไทยต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น จากอะนาล็อกสู่ดิจิตอล สร้างอุตสาหกรรมใหม่ในอีอีซี ให้คนมีงานทำเพิ่ม ไม่ใช่พูดอย่างเดียว คือ "กระเป๋าตุง" จะเอาอะไรมาตุง ต้องเอาให้ชัด ๆ

"ถ้าคุณ (พรรคการเมือง) บอกว่า การเพิ่มมูลค่าไม่ถูกต้อง บอกสิว่า ไม่เอา ถ้าคิดว่า อีอีซีไม่ดี บอกเลยให้ชัด ๆ ว่าถ้าเลือกผมไม่เอาอีอีซี กล้าหรือไม่ ถ้าคิดว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งไปช่วยคนจนไม่ดี กรุณาประกาศชัด ๆ  ถ้าคุณคิดว่า รถไฟรางคู่ไปภาคใต้ไม่ดี บอกไม่เอาพูดเลย ผมไม่กลัว สตาร์ตอัพไม่เอา มีอะไรที่ไม่เอา แต่ถ้าเอาไม่ต้องเขิน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้หวงให้ต่อยอด กองทุนหมู่บ้านเป็นสิ่งที่ช่วยชาวบ้าน 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่เคยมีใครมาเคลมว่าเป็นของใคร และไม่เคยคิดยกเลิก แต่เราต่อยอด การบริหารบ้านเมืองต้องรู้จักรักษาสิ่งที่ดีเอาไว้ อะไรดีต้องบอกว่าดี ประเทศถึงจะไปได้ ปีที่แล้วคำขอลงทุน 9 แสนกว่าล้านบาท โตขึ้นมา 40% อันนั้น คือ ผลงานรัฐบาล พรรคไหนชอบให้ต่อยอด ไม่ชอบไม่ต้องต่อยอด"

090861-1927-9-335x503-8-335x503-13-335x503

กรณีที่หลายพรรคการเมืองท้าดีเบต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ถูกเสนอชื่ออยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ให้ประชันวิสัยทัศน์ นายสมคิด กล่าวว่า "ดีเบตให้โง่หรือ?" เพราะหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี คือ บริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่ไป "สนามชนไก่" ให้พูดกันแค่คนละ 10 นาที หากอยากฟังวิสัยทัศน์ เดี๋ยวจะจัดเวทีให้นายกฯ โดยเฉพาะ ไปทีละจังหวัด นายกฯ พบปะประชาชน คนฟังเป็นหมื่น แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน นายกฯ ต้องสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ไม่ใช่ไปทะเลาะกับใครภายในเวลา 10 นาที มันสนุกเจ้าของรายการเรตติ้งขึ้น

"จะให้พูดเลยว่า อนาคตข้างหน้าถ้า (พล.อ.ประยุทธ์) เป็นนายกฯ ต่อ จะทำอะไรให้กับบ้านเมืองบ้าง ไม่ใช่มานั่งตีกรอบว่า ทหาร-ไม่ทหาร เผด็จการ-ไม่เผด็จการ หรือไม่เป็นประชาธิปไตย"

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว