กระทรวงอุตฯ เตรียมเสนอ พ.ร.บ.โรงงานฉบับแกะกล่อง

21 มี.ค. 2559 | 04:58 น.
กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าแก้ไขพระราชบัญญัติโรงงาน    พ.ศ. 2535 ตามแผนการเสนอปรับแก้ไขกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รองรับการลงทุนของผู้ประกอบการและการขยายฐานเศรษฐกิจเมื่อเข้าสู่ AEC โดยเนื้อหา พรบ. ฉบับใหม่มีสาระสำคัญ อาทิ การเพิ่มความรวดเร็วในขั้นตอนอนุมัติอนุญาตใบอนุญาตประกอบกิจการ (รง.4) เพียง 15 วัน  การให้โรงงานปฏิบัติในด้านรักษาสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลเพิ่ม  และสามารถลดมลพิษจากอุตสาหกรรมได้  ฯลฯ  อีกทั้ง พ.ร.บ.ฉบับเก่ามีระยะเวลาการใช้งานเป็นเวลานาน ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อลดช่องว่างทางกฎหมาย สร้างความชัดเจนและเรียกความมั่นใจในการกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมในไทยเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ต้นปี 60

ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมและสนับสนุนนโยบายด้านอุตสาหกรรมกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ซึ่งการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมย่อมต้องอาศัยความรวดเร็วในการดำเนินการ อีกทั้งต้องอยู่ภายใต้กฎหมายการควบคุมดูแลอย่างรัดกุม จากสถิติการลงทุนประกอบกิจการใหม่และขยายโรงงานสูงถึง 9,496 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้ว 14.45 เปอร์เซ็นต์ เนื่องด้วยการลงทุนและการขยายโรงงานที่เพิ่มขึ้น ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงพ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และเสนอเป็นแผนร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกำหนดแก้ไขหลายประเด็นซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบในการปรับปรุงแก้ไข และได้สั่งการเร่งรัดให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขร่างกฎหมายนี้ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการปรับแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ภายในเดือนมีนาคม เพื่อที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำความเห็นของทุกภาคส่วนมาประกอบการพิจารณาและแก้ไขก่อนเตรียมเสนอเข้า ครม. ในเดือนเมษายนนี้ คาดว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีผลบังคับใช้อย่างแน่นอน

ด้าน นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับร่างแก้ไข พ.ร.บ.โรงงานฯ สาระสำคัญที่มีการแก้ไขคือ การปรับคำนิยามโรงงานใหม่ การปรับปรุงหลักการการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายโรงงานใหม่ การปรับปรุงแก้ไขขนาดจำพวกของโรงงาน การเพิ่มประเภทการประกอบกิจการโรงงานให้สอดคล้องกับเครื่องจักรเทคโนโลยีการผลิต นอกจากนี้ มีการเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิดที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิ่มความชัดเจนในหน้าที่ความรับผิดชอบที่โรงงานมีต่อบุคคล พืช ทรัพย์ สิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการแก้กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแต่ละทำเลที่ตั้ง ตลอดจน เพื่อรองรับการขยายตัว โดยจากข้อมูลปี พ.ศ. 2559 สถิติยื่นขออนุญาตประกอบกิจการใหม่ จำนวน 618 โรง คิดเป็นเงินทุน 42,618 ล้านบาท และการขออนุญาตขยายกิจการ 131 โรงงาน ทุน 32,590 ล้านบาท

ส่วนดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และรองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า  รายละเอียดของ พรบ. ฉบับใหม่ที่เตรียมนำเสนอนั้นประกอบไปด้วยสาระสำคัญ ดังนี้

1. หมวดว่าด้วยคำนิยาม

- ปรับแก้ไขความหมายของคำว่า “โรงงาน” ใหม่ จากเดิม “โรงงาน” คิดที่ 5 แรงม้าขึ้นไปหรือคนงาน 7 คนขึ้นไป เป็น“โรงงาน” คิดที่ 25 แรงม้าขึ้นไปหรือคนงาน 25 คนขึ้นไป เพื่อให้โรงงานขนาดเล็กที่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานประเภทให้บริการในชุมชนสามารถดำเนินการได้โดยง่าย ภายใต้การกำกับดูแลตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ อปท.

- ปรับแก้ไขความหมายของคำว่า “ตั้งโรงงาน” ใหม่ควบคุมเฉพาะการนำเครื่องจักรสำหรับประกอบกิจการโรงงานมาติดตั้งในอาคาร สถานที่หรือยานพาหนะที่จะประกอบกิจการเท่านั้น แต่จะไม่ควบคุมการก่อสร้างอาคาร เพื่อให้สามารถก่อสร้างได้ในระหว่างยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานได้

2. หมวดการประกอบกิจการโรงงาน/อนุญาต

- ถ้าทำเลที่ตั้งโรงงานไม่ขัดต่อกฎหมายให้ออกใบอนุญาตให้ผู้ขอทันที เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารอื่นที่ประกอบคำขอทีหลัง เมื่อโรงงานหรือเครื่องจักรและระบบบำบัดมลพิษถูกต้องครบถ้วนตามกฎกระทรวงแล้วจึงจะอนุญาตให้เปิดประกอบกิจการได้

- เนื่องจาก พ.ร.บ.เดิมไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เสมือนไม่ให้มีการประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่อง ในกรณีย้ายโรงงาน จึงกำหนดให้การย้ายโรงงานให้ถือว่าใบอนุญาตเดิมหมดอายุในวันที่เริ่มประกอบกิจการโรงงานตามใบอนุญาตใหม่ (มาตรา14)

- เพื่อส่งเสริมให้ประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่องและสามารถต่อยอดธุรกิจการผลิตออกไปโดยไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์เดิมเท่านั้นจึงให้สามารถเพิ่มประเภทอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องจักรได้ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งให้สามารถเพิ่มพื้นที่ของโรงงานออกไปได้

- เพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการในการขออนุญาตขยายโรงงานเดิมโรงงานขนาดใหญ่เพิ่มเครื่องจักร 50 แรงม้าก็ต้องขออนุญาตแล้ว จึงได้กำหนดการขยายตามสัดส่วนของเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นใหม่เป็นแบบขั้นบันได เช่น (1) เครื่องจักรเดิมมีกำลังไม่เกิน 100 แรงม้า เพิ่มขึ้นตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป (2) เครื่องจักรเดิมมีกำลังไม่เกิน 500 แรงม้า เพิ่มขึ้นตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไป และต้องเพิ่มไม่น้อยกว่า 50 แรงม้า เป็นต้น ฯลฯ

- เพื่อส่งเสริมให้มีประกอบกิจการได้อย่างต่อเนื่องกรณีขอรับโอน เช่าโรงงาน ซื้อโรงงาน ที่ดำเนินการไม่ทันภายใน 7 วัน           ตามกฎหมายให้มีการขยายเวลาเป็น 15 วัน

3.   หมวดบทกำหนดโทษ

- เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม จึงกำหนดโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับในกรณีที่ทำผิดเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษหรือสิ่งแวดล้อมจากเดิมที่มีเพียงโทษปรับ เนื่องจากโรงงานเข้าสู่ระบบการควบคุมตามกฎหมายใหม่นี้แล้ว จะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เมื่อประกอบกิจการส่งผลกระทบต่อบุคคล พืช ทรัพย์ สิ่งแวดล้อม เช่น มาตรฐานเรื่องการระบายน้ำทิ้งออกจากโรงงาน มาตรฐานเรื่องเสียงรบกวนจากการประกอบกิจการ โรงงาน มาตรฐานอากาศที่ระบายออกจากโรงงานและควบคุมวิธีการนำกากอุตสาหกรรมออกไปบำบัด กำจัด ก็ต้องมีโทษมากขึ้น

- กรณีที่ผู้รับใบอนุญาตขยายเริ่มประกอบกิจการส่วนขยายโดยไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ไม่มีบทบัญญัติกำหนดโทษไว้โดยเฉพาะจึงไม่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ ซึ่งจะเป็นช่องว่างให้ผู้รับใบอนุญาตไม่สนใจที่จะแจ้งเริ่มประกอบกิจการส่วนขยาย ดังนั้นจึงต้องบัญญัติกรณีดังกล่าวไว้ในพระราชบัญญัตินี้ด้วย

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.โรงงานฉบับใหม่นี้ อยู่ระหว่างเปิดให้โอกาสผู้ประกอบการและประชาชนแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ www2.diw.go.th/legal/index.asp และโทรสาร 02 202 3997 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2559 หลังจากนั้นจะนำข้อคิดเห็นมาประกอบการพิจารณาเสนอคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาก่อนนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป