เอกชนประเมินส่งออกไทยโตได้แค่ 3% ค่าเงิน-สงครามการค้า-สินค้าเกษตรตัวฉุด

25 ก.พ. 2562 | 08:43 น.
เอกชนประเมินส่งออกไทย ขยายตัว3%จากปัญหาค่าเงิน-สงครามการค้า-สินค้าเกษตรหดตัว  "พาณิชย์"หารือผู้ส่งออก  หวังปรับแผนรุกตลาดใหม่รับภาวะการค้าโลกซึม ดันยอดส่งออกให้โตได้ตามเป้า 8% ยืนยันยังคงเป้าหมายตามเดิมแม้ปัจจัยลบรุมเร้า
นางสาวบรรจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม(กลุ่มสิ่งทอ) สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป(กลุ่มอาหาร) สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สมาคมอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคมไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทยสมาคมธุรกิจไม้ บริษัทน้ำตาลมิตรผล เป็นต้น

โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เชิญภาคเอกชนหารือถึงแนวโน้มการส่งออกหลังจากที่การส่งออกในเดือนมกราคม หดตัว5.6% ซึ่งในการที่ไตรมาสแรกของปีจะชะลอตัวและจะกลับมาเป็นบวกในไตรมาส2และไตรมาส3 ซึ่งจากการหารือกับภาคเอกชนมีการประเมินว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกขณะนี้เผชิญปัจจัยลบรุมเร้า ทั้งปัญหาสงครามการค้า การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู) ของอังกฤษ ราคาน้ำมัน และปัญหาการเมืองระหว่าง กดดันให้การค้าโลกชะลอตัวลงทำให้ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกต่างได้รับผลกระทบในเชิงลบ โดยเฉพาะไทยซึ่งเงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะนำข้อเสนอของภาคเอกชนทุกกลุ่มไปปรับให้เข้ากับแผนส่งเสริมการส่งออกของกรมในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งการเจาะลึกลงไปในรายอุตสาหกรรม ทำให้ทราบจุดแข็ง-จุดอ่อนเป็นรายสินค้า ก็สามารถจะกำหนดแผนกระตุ้นโดยเฉพาะเป็นรายสินค้าในการบุกแต่ละตลาดได้ เชื่อว่าจะได้ผลมากกว่าแผนเดิมที่ทำเป็นภาพรวม เช่น สิ่งทอ ต้องให้ความสำคัญกับวัตถุดิบใหม่ๆ ขณะที่ อัญมณีและเครื่องประดับ สามารถใช้การค้าออนไลน์เข้ามาช่วยรุกตลาดได้ ส่วนสินค้าเกษตร และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาจต้องใช้มาตรการรัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำไปหารือร่วมกับกระทรวงอื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว แม้ว่าตัวเลขส่งออกเดือนมกราคมจะติดลบแต่ก็เป็นไปตามฤดูกาล ซึ่งคำสั่งซื้อมักชะลอช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ หลังจากนี้ก็จะดีขึ้น และหลายสินค้ายังไปได้ดี เช่น อาหาร สิ่งทอ และอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น จึงมั่นใจว่าภาพรวมการส่งออกทั้งปีจะยังเป็นบวก ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงยืนยันเป้าหมายส่งออก 8% ไว้ตามเดิม

S__78143496

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าา การส่งออกไทยปีนี้ มีโอกาสขยายตัวได้ 3-5% แต่ทั้งนี้มั่นใจว่าน่าจะขยายตัว 3 % หรือมีมูลค่า 260,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องมียอดส่งออกต่อเดือน 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้เดือนแรกของปีจะติดลบ แต่ก็เชื่อว่าหลังจากนี้จะดี ซึ่งถ้ารัฐกับเอกชนทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้นการส่งออกก็น่าจะไปได้ดีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบหลายด้านที่น่าห่วง โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยน เพราะเงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินอื่นๆ กระทบรายได้จากการส่งออกในภาพรวม คาดการส่งออกสินค้าเกษตรน่าจะเติบโตได้เพียง1.4% เท่านั้น ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมคาดขยายตัวได้ 3% นอกจากนี้ ยังมีปัญหาสงครามการค้า และการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานที่คาดว่าน่าจะปรับขึ้น 2-10 บาทต่อวัน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ จะกดดันให้ต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้นด้วย

สำหรับคาดการณ์การส่งออกในไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าจะติดลบ 1.8% ซึ่งมีมูลค่า61,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แยกเป็นสินค้าเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร คาดว่าจะขยายตัว 1.2% มูลค่า 10,003 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสินค้าอุตสาหกรรม คาดว่าจะขยายตัวลดลงหรือติดลบ 2.2% ทั้งนี้หากแยกออกเป็นรายสินค้า ในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร พบว่ามีเพียงข้าวเท่านั้นที่ขยายตัวเป็นบวก 0.2% ส่วนยางพารา ผลิตภัณฑ์สำปะหลัง อาหารและน้ำตาลยังติดลบ ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมมีเพียง เครื่องใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะขยายตัว 0.5% วัสดุก่อสร้างขยายตัว 1.1% ผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 1.4% และสิ่งทอ ขยายตัว 2.5% ซึ่งผลให้ไตรมาสแรกติดลบ

“แม้ว่าในช่วงสั้น ๆ นี้จะมีปัจจัยที่คลายความกังวลไปบ้างอย่างกรณีที่สหรัฐฯเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็น 25%ออกไปถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยลดความตึงเครียดไปได้บ้าง”

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-8