เหม็น! สงครามน้ำลาย อย่าโจมตีกันไปมา จนประเทศชาติเสียหาย

23 ก.พ. 2562 | 00:30 น.
 

เหม็น! สงครามน้ำลาย

อย่าโจมตีกันไปมา จนประเทศชาติเสียหาย

หากนับถอยหลังเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 เหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือน  เรียกว่าเดินมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายทำเอาแต่ละพรรคเดินสายออกหาเสียงกันพึ่บพั่บ!ไม่เว้นแต่ละวัน  มีทั้งยิงสปอตโฆษณาตามสื่อต่างๆ  รวมถึงเปิดเวทีลากไส้ สาดโคลนใส่กันจนฝ่ายตรงข้ามนั่งไม่ติด ต้องออกมาแลกหมัดกันทันควัน นี่ยังไม่รวมข่าวปลอม ข่าวลวงอีกมากมาย

สงครามน้ำลายเริ่มกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ในประเทศไทยจนเหม็นคลุ้งไปหมด!

สุดารัตน์1

-เกิดกระแส“หนักแผ่นดิน”

เมื่อเร็วๆนี้ข่าวฮอตคงหนีไม่พ้นการสาดน้ำลายระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยเสนอนโยบายตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10 % และยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหาร  ร้อนถึงกองทัพ   ทำเอาพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เลขาธิการ คสช. ถึงกับออกปากว่าให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”

อภิรัตน์

พอข้ามวันนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ  แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมือง ถือว่าผิดกฎหมาย ผิดระเบียบข้าราชการ พร้อมระบุว่า “ข้าราชการจะแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมืองไม่ได้ มาพูดให้ร้าย พูดไม่ดี ต่อพรรคการเมืองที่เสนอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม แต่มากกว่านั้น คือ ความไม่เข้าใจในกติกาต่อระบอบกติกาในการเลือกตั้ง การเสนอความคิดเห็นดังกล่าว หน่วยราชการนั้น ๆ ไม่ควรแสดงท่าทีต่อต้าน ผบ.ทบ. ควรประพฤติตนเสียใหม่”
ยังไม่พอนายจาตุรนต์ ยังกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมอยู่ในเหตุการณ์ตอนปี 2519 ไม่รู้ว่า ตอนนั้น ผบ.ทบ. เข้าโรงเรียนเตรียมทหารหรือยัง เพลงนี้เป็นเพลงปลุกระดมให้คนไทยฆ่ากัน ผมฟังหลายเดือนในปี 2519 สุดท้ายจบลงที่รัฐประหาร เกิดการสังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เป็นเหตุการณ์สร้างความเจ็บปวดให้กับสังคมไทย การหยิบเพลงนี้ขึ้นมา ทำให้เกิดความแตกแยก อาจจะทำให้คนเข่นฆ่ากัน ผบ.ทบ. ควรปกป้องประเทศ ไม่ใช่สั่งให้คนไปเปิดเพลง จะทำให้คนไทยฆ่ากันเองหรืออย่างไร จากกรณีนี้มีคนถามว่า แล้วนักการเมืองจะกลัว จะหงอหรือไม่ เมื่อพูดไม่ถูกต้อง เราก็ต้องกล้าที่จะพูดว่า ผบ.ทบ. พูดอย่างนี้ไม่ได้ ควรไปปรับปรุงตัวเสียใหม่”

จาตุรน

 

จากหลายๆวาทกรรมทางการเมือง  ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังรักษาเก้าอี้ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)อย่างเหนียวแน่น   ออกมาติงกลายๆ  เมื่อครั้งเยี่ยมชม ตลาดหลวงปู่ทวด ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาว่า ขอให้ช่วยกันสร้างความปรองดอง ทำให้ประเทศชาติสงบสุข เมื่อมีการเลือกตั้งขอให้ช่วยกันหาเสียงในทางที่ดี ไม่โจมตีกันไปมา ทำให้ประเทศเสียหาย ประเทศอื่นไม่มีใครทำกัน จะประจานประเทศตัวเองอย่างนี้ไม่ได้ !!!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการเล่นสงครามน้ำลาย  เพราะก่อนหน้านี้ก็มีวาทกรรมทางการเมืองของมวยรุ่นเฮฟวีเวต  ระหว่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ

ครั้งนั้นเรียกว่าเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ อยู่พักใหญ่   เมื่อพล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ออกมาโพสต์ครบรอบ 12  ปีที่ถูกรัฐประหารว่า  “บ้านเมืองที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใครแต่ไม่ใช่พวกเราแน่นอนเพราะพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เราออกมาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ กรณีที่นายทักษิณระบุพร้อมพูดคุยปรองดองนั้น เขายังมีเรื่องทำผิดกฎหมายอยู่ขอให้ไปเคลียร์ตรงนั้นให้ได้ก่อน”

คราวนั้น ทักษิณออกมาสวนหมัดทันทีในบ่ายวันเดียวกันโดย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัว ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ. เลย”

ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง(24 มี.ค.62) บรรดานักการเมืองยังคงเดินสายพ่นน้ำลายใส่คู่ต่อสู้ และพากันพ่นน้ำลายขายฝัน  ขุดนโยบายสวยหรู  ออกมาให้ประชาชนมีความหวัง   ลากวาทกรรมต่างๆ ออกมาสู้กันหวังดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม และอาจลามไปถึงบรรยากาศหลังเลือกตั้งที่เวลานี้ทุนไทย-เทศต่างภาวนาขออย่าให้มีเหตุอันไม่สงบเกิดขึ้นอีกเลย

-ทุนนอกห่วงผลกระทบเชิงสังคม

แม้แต่ทุนต่างชาติ นายทสึโยชิ อิโนะอุเอะ กรรมการผู้จัดการหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) ก็ออกมา แสดงความเห็นผ่านเวทีสาธารณะว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองไม่ได้ก่อให้เกิดความกังวลต่อนักลงทุนชาวญี่ปุ่นแต่อย่างใด  แต่สิ่งที่นักลงทุนชาวญี่ปุ่นกังวลมากกว่าคือผลกระทบเชิงสังคมหลังการเลือกตั้ง เช่น ความเป็นไปได้ของการเดินขบวน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่มาทำธุรกิจในประเทศไทย ก็เป็นได้

เช่นเดียวกับสมาชิกในสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ที่มีสมาชิกหลักหมื่นรายทั่วประเทศ  ส่วนหนึ่งออกอาการชินชากับความเป็นไปทางการเมือง  แต่อีกส่วนก็ยังทำใจไม่ได้และได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้การเมืองกลับไปตกหลุมอากาศอีกเลย!    ที่เวลานี้พากันตั้งข้อสังเกตว่า จากวาทกรรมทางการเมือง  และปฏิกิริยาของคนบางกลุ่มที่ไม่ต้องการให้ทหารขึ้นมาบริหารประเทศ อาจนำไปสู่ศึกในบ้านที่อาจจะเกิดขึ้นได้ภายหลังการเลือกตั้ง

หากเป็นเช่นนั้น....สถานการณ์การต่อสู้ในสนามเลือกตั้งจะเข้ามาเป็นอีกปัจจัยลบที่ถาโถมเข้ามาซ้ำเติมในภาวะที่หลายคนมองว่าปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงมากมายทั้งภายในภายนอก เศรษฐกิจไทย - เศรษฐกิจโลกยังอยู่ในเขตสีแดงที่น่าเป็นห่วง  จนในที่สุดผลกระทบตกที่ประเทศชาติ ต้องเสียทั้งโอกาส ทั้งความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลก! 

595959859