ไทยจับมือ "อินโดฯ-มาเลย์" ลุย 5 มาตรการ ดันราคายางพุ่ง

22 ก.พ. 2562 | 12:00 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

"ไทย-อินโดนีเซีย" จับมือลุย 5 มาตรการ ดันราคายางขยับ มอบเจ้าหน้าที่อาวุโสไปถกต่อ ทั้งจำกัดส่งออกยางรอบใหม่ 2-3 แสนตัน และระยะเวลาที่เหมาะสม ดันใช้ยางในแต่ละประเทศเพิ่ม อินโดฯ ปิ๊งไอเดียไทย! เตรียมใช้ทำถนน กังวล ศก.โลก ทรุด สงครามการค้า ราคาน้ำมันรูด กดราคายางไม่โงหัว

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยถึงผลการประชุมรัฐมนตรีสภาไตรภาคียางระหว่างประเทศ (ITRC) ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 21-22 ก.พ. 2562 ว่า ได้ข้อสรุปที่สำคัญ คือ ได้เห็นชอบร่วมที่จะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสเป็นตัวแทนของทั้ง 3 ประเทศ ไปหารือกันในเรื่องมาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราให้ยั่งยืน โดยประเด็นที่จะนำไปหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติเพื่อใช้เป็นมาตรการที่จะดำเนินการร่วมกันของทั้ง 3 ประเทศมี 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่


S__1720598

1.มาตรการจำกัดปริมาณส่งออกยางพาราของทั้ง 3 ประเทศ จะพิจารณาร่วมกันช่วงปริมาณระหว่าง 2-3 แสนตัน (จากปี 2561 ทั้ง 3 ประเทศ มีข้อตกลงร่วมกันในการจำกัดปริมาณส่งออกยาง 3.5 แสนตัน ระหว่าง ม.ค. - มี.ค. 61 แบ่งเป็น ไทย 2.3 แสนตัน อินโดนีเซีย 9.5 หมื่นตัน มาเลเซีย 2 หมื่นตัน ตามสัดส่วนการส่งออกของแต่ละประเทศในตลาดโลก) โดยสัดส่วนปริมาณยางที่แต่ละประเทศจะจำกัดการส่งออก รวมถึงระยะเวลาที่จะดำเนินการนั้น ทางเจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคของทั้ง 3 ประเทศ จะคุยกันในรายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค. นี้ ที่ประเทศไทย

2.จะหาวิธีการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราของทั้ง 3 ประเทศ โดยแต่ละประเทศจะนำประสบการณ์ของตัวเอง ว่า ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น ไทยได้นำยางพาราไปใช้ทำถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ว่า มีผลเบื้องต้นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งทางอินโดนีเซียและมาเลเซียก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกัน โดยครั้งนี้ได้หารือกันว่า มาตรการที่แต่ละประเทศใช้ทั้งหมดต่อไปจะใช้ไปพร้อม ๆ กันดีหรือไม่ และมาตรการเหล่านี้ต่อไปอาจจะนำไปสู่การพิจารณากำหนดราคายางขั้นต่ำที่จะซื้อขายกัน เป็นต้น

3.มาตรการลดพื้นที่ปลูก เพื่อลดปริมาณผลผลิตยาง โดยการเปลี่ยนผลผลิตจากยางพาราไปปลูกพืชอื่น เพื่อลดปริมาณยางเก่า หรือ ลดปริมาณต้นยางของแต่ละประเทศลงพร้อม ๆ กัน ซึ่งมาตรการทั้งหมดจะมีผลให้ราคายางมีเสถียรภาพ (ปรับตัวสูงขึ้น)


S__1720602

4.จะมีการหารือและตกลงร่วมกันที่จะจัดทำตลาดยางพาราร่วมในระดับภูมิภาคของทั้ง 3 ประเทศ ให้เป็นตลาดกลางให้คนมาซื้อขาย รวมทั้งเป็นตลาดกลางในการซื้อขายยางพาราล่วงหน้า ( (Regional Rubber Market : RRM)

5.การจัดตั้งสภายางพาราแห่งอาเซียน (ASEAN Rubber Council : ARC) เพื่อเป็นเวทีให้ทั้ง 3 ประเทศ มาพูดคุยกันตั้งแต่เรื่องความคิดริเริ่มในการแปรรูปยางพารา การศึกษาค้นคว้า การวิจัย รวมทั้งเมื่อแต่ละประเทศมีปัญหาเรื่องยางพาราภายในประเทศ เวทีของสภาการยางแห่งอาเซียนนี้จะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

"เป็น 5 มาตรการ ที่เป็นผลสรุปจากที่ประชุมในครั้งนี้ และเจ้าหน้าที่อาวุโสจะไปคุยกันในรายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค. ซึ่งในเรื่องการจำกัดปริมาณการส่งออกเคยมีการนำมามาตรการนี้มาใช้แล้วก่อนหน้านี้ มีส่วนช่วยให้ราคายางขยับขึ้นไม่มากก็น้อย โดยทั้ง 5 มาตรการในครั้งนี้ คาดจะช่วยดันราคายางไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม ในส่วนของไทยที่เคยจำกัดปริมาณส่งออกยางใน 2-3 ครั้งที่ผ่านมา ลดแล้วมีปัญหาอะไรก็จะบอกเขา ส่วนอินโดนีเซีย มาเลเซีย ก็จะนำเสนอข้อมูลว่า ลดแล้วของเขาเป็นอย่างไร"

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ทางอินโดนีเซียและมาเลเซียได้แจ้งว่า แค่เขาออกข่าวว่าจะมาเสนอประเทศไทยเรื่องการจำกัดการส่งออกยางพารา ราคายางก็ขยับขึ้นแล้ว แต่ที่สำคัญ คือ หากจะทำให้ราคาขึ้นอย่างถาวรจะทำอย่างไรร่วมกันได้บ้าง ก็จะให้เจ้าหน้าที่อาวุโสไปหารือกันต่อไป


พารา

นายเยี่ยม ถาวโรฤทธิ์ รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เผยว่า 3 ประเทศรวมกัน (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย) มีผลผลิตยางพารารวมประมาณ 8 ล้านตัน/ปี หรือเกือบ 70% ของผลผลิตโลก เรื่องการจำกัดการส่งออกยางของ 3 ประเทศ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องรอบคอบ เพราะตลาดจับจ้องอยูู่ว่า ที่ผ่านมาทำแล้วสำเร็จหรือไม่ ได้ผลในการดันราคายางให้สูงขึ้นได้หรือไม่ ดังนั้น จึงต้องให้คณะเจ้าหน้าที่อาวุโสไปพิจารณาในครั้งนี้ให้รอบคอบที่สุด ว่า ควรจะจำกัดที่ปริมาณเท่าใด และต้องเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ทำแล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง

"ในการจำกัดการส่งออกยาพาราของทั้ง 3 ประเทศ ที่ผ่านมาบางปีก็ประสบความสำเร็จทำได้ตามเป้าหมาย บางครั้งก็ไม่สำเร็จ มีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้น ต้องไปดูบทเรียนที่ผ่านมา ว่า ที่สำเร็จเพราะอะไร ที่มีปัญหาเพราะอะไร จะแก้ไขปรับปรุงอย่างไร โดยให้เจ้าหน้าที่อาวุโสไปหารือและสรุปร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 4 มี.ค. ซึ่งมาตรการจำกัดการส่งออกยางเป็นมาตรการระยะสั้น ยังมีมาตรการระยะกลางและระยะยาว ตามที่ท่านรัฐมนตรีได้ชี้แจงข้างต้น ว่า ต้องเป็นแพ็กเกจ มาตรการเดียวประสบความสำเร็จยาก"

สำหรับราคายางพาราของไทยช่วงต้นปี 2561 ค่าเฉลี่ยยังสูง แต่ในไตรมาสที่ 3 อ่อนตัวลง และในไตรมาสที่ 4 เริ่มฟื้นตัวขึ้น และไตรมาสที่ 1/2562 ก็เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งระดับราคายางของทั้ง 3 ประเทศ อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ในส่วนของยางแท่ง (STR20) ที่ 3 ประเทศ มีสินค้าเหมือนกัน ราคาเฉลี่ยที่ 45 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) แต่ทุนด้านแรงงานของอินโดนีเซียถูกกว่าไทย  และมาเลเซียต้นทุนแรงงานสูงกว่าไทย ในส่วนของน้ำยางข้น ยางแผ่นของไทยในปีที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ แต่ปีนี้ช่วง ม.ค. - ก.พ. น้ำยางสดและน้ำยางข้นขึ้นไปถึง 42-43 บาท/กิโลกรัม (กก.) ยางแผ่นรมควันขึ้นไปถึง 46-47 บาท/กก.

"ถือว่าในไตรมาสแรกปีนี้ ช่วง ม.ค. ถึง ก.พ. ราคายางฟื้นตัวดีขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น"


S__1720597

นายกฤษฎา กล่าวเสริมว่า ราคายางที่ขยับดีขึ้นในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ มาจาก 2 ปัจจัย คือ กรณีที่อินโดนีเซียที่เสนอเรื่องมาตรการจำกัดการส่งออกยางพารา และ 2) ปัจจัยที่ประเทศไทยมีการนำยางพารามาใช้ทำถนนพาราซอยล์ซีเมนต์เป็นประเทศแรก ซึ่งขณะนี้ ทางอินโดนีเซียได้ยืนยันจะเริ่มนำยางพาราไปใช้ทำถนนเช่นเดียวกับไทย โดยอินโดฯ และมาเลเซีย ระบุ ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ราคายางในประเทศตกต่ำมากที่สุด และราคาเพิ่งมาขยับดีขึ้นเมื่อเดือน ม.ค. ของปีนี้ และหวังเป็นปีเริ่มต้นที่ดี

"อย่างไรก็ดี ทั้งอินโดฯ และมาเลย์ยังกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ทั้งเรื่องสงครามการค้าและเรื่องราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบต่อราคายาง เป็นเหตุที่เขามาหารือกับเราในครั้งนี้ ทั้ง 2 ประเทศ เห็นด้วยกับไทยที่ต้องปรับเปลี่ยนการปลูกยางไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า และเพิ่มการใช้ยางในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว"

ขณะที่ ความคืบหน้าการนำยางพารามาทำถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ทั่วประเทศรวมเกือบ 8 หมื่นกิโลเมตร (ใช้น้ำยางสดประมาณ 1 ล้านตัน) นั้น นายกฤษฎา เผยว่า มีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 20% โดยเดือน ก.พ. นี้ ทางสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด เพิ่งเริ่มรับรองการใช้งบประมาณของแต่ละจังหวัดมาใช้ทำถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ คาดจะมีความคืบหน้าตามลำดับ

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว