ลุ้นเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ 2 ฝ่ายพร้อมร่าง MOU ปูทางแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม

22 ก.พ. 2562 | 11:14 น.
คณะเจรจาการค้าสหรัฐอเมริกา-จีนซึ่งหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายจีนเป็นระดับรองนายกรัฐมนตรี และฝ่ายสหรัฐฯคือผู้แทนการค้า(ยูเอทีอาร์) ร่วมด้วยรัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีพาณิชย์ ยังคงเดินหน้าหาข้อสรุปเพื่อจัดทำข้อตกลงการค้ากันแบบแข่งกับเวลา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21-22 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะของจีนนำโดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี อีกครั้ง เดิมนั้นคณะเจรจาต้องจัดทำข้อตกลงให้ได้ภายในวันที่ 1 มีนาคมเป็นอย่างช้าที่สุด ไม่เช่นนั้นสหรัฐฯก็จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตราเพิ่มจาก 10% เป็น 25% รวมมูลค่าสินค้า 200,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นสัปดาห์ (19 ก.พ.) ก่อนที่คณะของจีนจะมาถึง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาส่งสัญญาณว่า อาจจะขยายเวลาให้ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสเจรจาต่อรองกันมากขึ้น เพราะการเจรจาเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นและกำลังดำเนินไปอย่าง “ดีมาก” จึงเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป

[caption id="attachment_393235" align="aligncenter" width="503"] "3 เสือ"ผู้นำการเจรจา โดยฝ่ายจีนคือ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี (ขวาสุด) และฝ่ายสหรัฐฯ คือนายโรเบิร์ท ไลท์ไฮเซอร์ ยูเอสทีอาร์ ร่วมด้วยนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลัง "3 เสือ"ผู้นำการเจรจา โดยฝ่ายจีนคือ นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี (ขวาสุด) และฝ่ายสหรัฐฯ คือนายโรเบิร์ท ไลท์ไฮเซอร์ ยูเอสทีอาร์ ร่วมด้วยนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลัง[/caption]

นับตั้งแต่ที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายพบกันที่ประเทศอาร์เจนติน่าเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 และตกลงกันว่าจะสงบศึกการค้าเป็นการชั่วคราว 90 วันเพื่อให้มีการเจรจาจัดทำข้อตกลงที่จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งทางการค้า โดยสหรัฐฯจะยังไม่ขึ้นภาษีใดๆเพิ่มเติมในระหว่างนี้ (จากเดิมที่กำหนดจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวันที่ 1 ม.ค. 2562)  คณะเจรจาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีนและสหรัฐฯพบปะกันมารวมครั้งล่าสุดเป็นครั้งที่ 4 แล้ว โดยเป็นการพบกันที่กรุงปักกิ่ง 2 ครั้ง และที่วอชิงตัน ดีซี 2 ครั้ง

U.S.-China officials participate in opening of US-China Trade Talks at the White House in Washington
"การเจรจาเริ่มมีความคืบหน้าให้เห็นและกำลังดำเนินไปอย่าง “ดีมาก” จึงเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป"

เป็นที่คาดหมายว่าการประชุมครั้งล่าสุดนี้ ทั้งสองฝ่ายจะจัดทำร่าง บันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันแก้ปัญหาในระดับโครงสร้างที่ยังติดขัดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สหรัฐฯกล่าวหาจีนบังคับให้บริษัทอเมริกันต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัทท้องถิ่น การจารกรรมข้อมูลในโลกไซเบอร์ การเปิดตลาดจีนให้กับบริษัทต่างชาติ และเรื่องของค่าเงินหยวนที่สหรัฐฯต้องการให้จีนรักษาเสถียรภาพค่าเงิน อย่าปล่อยให้ค่าเงินหยวนต่ำเกินไป  ขณะเดียวกันเชื่อว่าจีนจะประกาศการสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯล๊อตใหญ่โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและเชื้อเพลิง

มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กตั้งแต่ก่อนการประชุมจะสิ้นสุดลงในวันศุกร์ (22 ก.พ.) ว่า รัฐบาลจีนจะเสนอซื้อผลิตผลการเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่ม คิดเป็นมูลค่าปีละ 30,000 ล้านดอลลาร์ อาทิ ถั่วเหลือง ข้าวโพด และข้าวสาลี รายงานข่าวดังกล่าวได้รับการยืนยันจากนายไมค์ ปอมปีโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯที่ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสิเนส ว่า สหรัฐฯต้องการกดดันให้เกิดการคลี่คลายในหลายประเด็นที่เป็นปัญหากันอยู่พร้อมกันนั้นก็พยายามลดการขาดดุลการค้าที่มีอยู่กับจีน นายปอมปีโอเปิดเผยว่า ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มีเฉพาะในด้านการค้า แต่ประเด็นอื่นๆก็คืบหน้าด้วย ทั้งเรื่องการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี และที่สำคัญก็คือ มีการหารืออย่างคืบหน้าถึงมาตรการที่จะติดตามและบังคับใช้สิ่งที่ตกลงกันมาอีกด้วย “การเขียนบางสิ่งบางอย่างลงบนกระดาษมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง และกลไกบังคับใช้ข้อตกลงที่เขียนกันมามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯกล่าว

[caption id="attachment_393239" align="aligncenter" width="503"] การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งล่าสุดที่กรุงวอชิงตัน ดีซี 21-22 ก.พ. 2562 การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งล่าสุดที่กรุงวอชิงตัน ดีซี 21-22 ก.พ. 2562[/caption]

นักวิเคราะห์คาดหวังและเปรียบเทียบว่า เป้าหมายการเจรจาอาจจะแบ่งเป็น 2 ตะกร้า โดยตะกร้าแรกเป็นประเด็นที่ตกลงกันได้ง่ายกว่า เช่น การสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเติมโดยฝ่ายจีน เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ หรือประเด็นการเปิดตลาดเพื่อให้นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสเข้าตลาดจีนได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเงื่อนไขการถ่ายทอดเทคโนโลยี  ส่วนอีกตะกร้าเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนยุ่งยาก แต่คณะเจรจาก็เริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว เช่น การขอให้จีนลดการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศ  การสร้างกลไกบังคับใช้และติดตามผลการปฏิบัติตามข้อตกลง และนโยบายยุทธศาสตร์ระยะยาวของจีน เช่น นโยบาย Made in China 2025 เป็นต้น เชื่อว่าการเจรจาเกี่ยวกับตะกร้าแรกจะมีข้อตกลงให้เห็นชัดๆเป็นรูปธรรม แต่สำหรับตะกร้าที่สอง อย่างน้อยก็เชื่อว่าจะมีการร่างแนวทางปฏิบัติ หรือ โร้ดแมป เป็นผลจากการประชุมครั้งล่าสุดนี้

หากสหรัฐฯและจีน สามารถจัดทำ MOU กันได้จริงตามที่คาดหมายไว้นั้น ก็จะเป็นความคืบหน้าที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่มีการเจรจาคลี่คลายปมขัดแย้งทางการค้ากันมานับตั้งแต่ที่สหรัฐฯเป็นฝ่ายเปิดศึกการค้ากับจีนก่อนในเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา  และ MOU ดังกล่าวก็น่าจะเป็นเอกสารสำคัญที่จะใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการพิจารณาในระดับผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย คือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งคาดว่าจะต้องพบกันแบบตัวต่อตัวอีกครั้งในเร็ววันนี้

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

090861-1927-9-335x503-8-335x503-13-335x503