ข้าพระบาท ทาสประชาชน : ชัยชนะที่ยั่งยืน คือชนะใจประชาชน

21 ก.พ. 2562 | 13:46 น.
ชัยชนะ-003

 
ต้องชนะใจประชาชนด้วยความดี มีคุณธรรม
ด้วยผลงานการกระทำอันเป็นที่ประจักษ์
แสดงให้เห็นว่าท่านยึดประโยชน์ชาติ
ยืนหยัดเพื่อประชาชนเท่านั้น

 

วันนี้ขอยกคำคมวาทะของ “ขงเบ้ง” หรือ “จูกัดเหลียง” ที่เป็นจอมปราชญ์, เสนาธิการนักรบ และนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติ ศาสตร์จีนนับหลายพันปี มาเตือนสติแก่นักการเมือง และผู้ดำรงตำแหน่งสูงส่งในปัจจุบัน หากได้นำมาคิดบ้างคงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านและบท บาททางการเมืองในปัจจุบันได้ไม่น้อย

ขงเบ้ง กล่าวไว้ว่า “ยาดีมักจะมีรสขม คำแนะนำที่ดีมักจะไม่เสนาะหู ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งแต่ยินดีรับฟัง แม้แต่คำวิจารณ์ที่ตรงไปตรงมา นับเป็นบุคคลที่น่ายกย่องสรรเสริญ” คมวาทะนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้จะเป็นผู้นำประเทศ มีตำแหน่งสูงส่งเพียงใด ยิ่งต้องน้อมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นที่เสนอแนะหรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แม้ไม่รื่นหูเปรียบดังยาขม ก็ยิ่งควรรับฟัง ผู้นำไม่ควรฟังแต่คำหวานและคำสรรเสริญเยินยอ เพราะนั่นคือทางที่จะพาไปสู่หายนะ มิใช่ทางเจริญ

ที่นำเรื่องนี้มากล่าว ก็เพราะว่าสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่ง การเมืองการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 จะนำพาบ้านเมืองของเราไปสู่ทิศทางใด จะสงบราบรื่นเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ หรือจะกลับสู่กลียุค เกิดวิกฤติการเมืองอีกครั้ง ปัจจัยสำคัญหนึ่งอยู่ที่ตัว “ผู้นำประเทศ” ต้องยอมรับว่าวันนี้ท่านเป็นเป้าหมายและด้านหลักของปัญหากับความขัดแย้งทางการเมืองอย่างเลี่ยงมิได้

จึงเห็นว่าบรรดากลุ่มและพรรคการเมืองต่างๆ รวมถึงประชาชนจำนวนหนึ่ง กำลังสุมไฟความคิดชี้นำสังคมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ “เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองกับคู่แข่งขัน เพื่อเปิดทางให้มีการสืบทอดอำนาจของ คสช.” เพราะนี่คือประเด็นที่พวกเขาจะพลิกสถานการณ์จากรับให้เป็นรุก การเคลื่อนไหวใดๆ ของท่านผู้นำ จึงต้องมีความระมัดระวังในทางการเมืองทุกฝีก้าว การรับฟังความเห็นการเสนอแนะที่ดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะไม่ทำให้ตนเองพลาดท่าทางการเมือง เหมือนบางคนบางพรรคที่ดิ้นรนหาที่ตายเองไปแล้ว
_103879424_gettyimages-983412224 สถานการณ์หลังวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่พรรคไทยรักษาชาติ ได้อุ้มระเบิดพลีชีพระเบิดใส่พรรคพวกเดียวกัน และกำลังอยู่ในระหว่าง กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรค เพราะเหตุกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่พวกเขาบังอาจดึงเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังปรากฏรายละเอียดตามพระราชโองการฯ นั้น ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อท่านผู้นำและพรรคที่สนับสนุน

ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ ศาลคงพิจารณาพิพากษาได้เร็วเสร็จก่อนวันเลือกตั้งแน่ เหตุเพราะลักษณะของคดีปรากฏข้อเท็จจริงและการกระทำที่ชัดแจ้ง กกต.สามารถวินิจฉัยและเห็นได้เองถึงการกระทำความผิด เพียงแต่พิจารณาจากหนังสือเสนอพระนามทูลกระหม่อมฯ และพิจารณาข้อเท็จจริงจากพระราชโอง การฯ ก็รับฟังข้อเท็จจริงได้เป็นยุติแล้ว เหลือเพียงประเด็นพิจารณาข้อกฎหมายเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการพิจารณาใช้วิธีไต่สวน เมื่อศาลได้รับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติดังกล่าวแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติมหรือสืบพยานใดๆ อีก แม้ไต่สวนก็มิทำให้ได้ข้อเท็จจริงใดๆเพิ่มเติม อันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี กรณีจึงเป็นไปได้ว่าคดีนี้ศาลสามารถปรับบทกฎหมายและมีคำพิพากษาได้เลย การพิจารณาคดีโดยรวดเร็วทำให้กระจ่างแจ้งชัดเจนเช่นนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและสาธารณะมากยิ่งกว่า

แม้พรรคที่ถูกกล่าวหา จะร้องแรกแหกกระเชออย่างไร ก็มิอาจฟังขึ้นในทางกฎหมาย เพราะความผิดนี้พวกตนเป็นคนก่อขึ้นเองทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดกลั่นแกล้ง ก่อนเสนอก็อ้างว่าศึกษาข้อกฎหมายทุกอย่างดีแล้ว จะชี้แจงอย่างไรศาลก็ให้เวลาตามสมควร จะประวิงคดีเสนอพยานมากมายก็ยาก เพราะเรื่องนี้ไม่มีประเด็นต้องสืบพยานแต่อย่างใด

ส่วนจะอ้างว่าโทษตัดสิทธิทางการเมืองรุนแรงเหมือนประหารชีวิต ก็ยิ่งอ้างไม่ขึ้นอีก เพราะมิได้ประหารชีวิตจริงๆ ตามวาทกรรม เพียงแต่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมือง คือห้ามสมัครรับเลือกตั้งอีกเท่านั้น เรียกว่าห้ามมาประกอบอาชีพเป็นนักการเมืองอีก ไม่ต่างอะไรกับแพทย์ ทนายความ วิศวกร หรือนักกีฬาอาชีพอื่นๆ หากทำผิดกฎหมายวิชาชีพ ผิดมารยาท ผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพนั้นๆ กฎหมายก็ให้พักใช้ใบอนุญาตหรือเพิกถอนการประกอบอาชีพมิแตกต่างกัน

โทษห้ามประกอบอาชีพเป็นนักการเมือง จึงเป็นบทลงโทษธรรมดาๆ เช่นเดียวกันกับวิชาชีพอื่นๆ แต่ทุกคนยังมีสิทธิความเป็นพลเมืองไทย ใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ประกอบอาชีพอื่นๆ ได้ จึงถือโอกาสกล่าวถึงเรื่องนี้เพื่อความเข้าใจ

[caption id="attachment_392709" align="aligncenter" width="500"]  เพิ่มเพื่อน [/caption]

สถานการณ์โดยสรุป เอื้ออำนวยและเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้นำและพรรคที่สนับสนุนท่านอย่างยิ่ง กระแสทางการเมืองมีความโน้มเอียงและเทมาทางสนับสนุน “ลุงตู่” อย่างช่วยไม่ได้ เพราะคู่แข่งขุดหลุมฝังศพตนเอง

แต่การเมืองอะไรก็ไม่แน่นอน ความเคลื่อนไหวของท่านผู้นำผูกพันและขึ้นกับการปฏิบัติของฝ่ายรัฐบาล และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนท่านอย่างแยกไม่ออก ขณะนี้มีอยู่ 2 เรื่องที่รัฐบาลพึงระมัดระวัง

ประการที่ 1 คือ การเสนอร่างพระราชบัญญัติข้าว พ.ศ. ... แม้จะเป็นการเสนอเองโดย สนช. แต่รัฐบาลก็ไม่อาจปฏิเสธความเกี่ยวข้องได้ เพราะ สนช.กับรัฐบาล มาจากต้นธารสายนํ้าเดียวกัน ต้องยอมรับว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ถูกคัดค้านอย่างหนักจากประชาชนชาวนา ผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าว นักวิชาการสถาบันทีดีอาร์ไอ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวอีกมากมาย ซึ่งสะท้อนภาพด้านลบต่อรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับฟังและรีบหาทางแก้ไข เพราะอาจเป็นหลุมทางการเมืองที่ขุดขึ้นมาโดยพวกตนเองได้

ประการที่ 2 คือ การที่ ผบ.ทบ.หรือบางท่านในปีกฝ่ายรัฐบาล ดำริจะนำเพลง “หนักแผ่นดิน” มาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ปลุกเร้าคนไทยให้ร่วมกันร้องหรือจุดกระแสต่อต้านคนไทยด้วยกันเอง นี่ก็เป็นหลุมอันตรายที่จะส่งผลถึงรัฐบาลและผู้นำประเทศอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
4DQpjUtzLUwmJZZPFiLiEagnHOAUDSllggG8k8CIxlfO ในเมื่อรัฐบาลชูธงความสามัคคีปรองดอง ต้องการให้ยุติปัญหาความขัดแย้งในอดีต พาประเทศก้าวไปข้างหน้า การนำเพลงนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบาดแผลความขัดแย้ง จนนำไปสู่สงครามภาย ในประเทศ มาปลุกกระแสประชาชน เพื่อรับมือกับวิธีคิดของพรรคและนักการเมืองบางคนบางกลุ่ม ที่ส่อว่ามีความคิดสุ่มเสี่ยงเอียงซ้าย หรือแนวคิดล้มล้างสังคม ต่อต้านหรือเป็นปฏิปักษ์กับลักษณะสังคม วัฒนธรรม ประเพณีและประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ด้วยวิธีคิดแบบตื้นๆ หยาบๆ มักง่ายเช่นนี้ รังแต่จะเป็นการจุดกระแสความขัดแย้งในสังคม ขยายปัญหา เข้าทางกลุ่มการเมืองที่คอยจ้องเอาคืน คสช.เท่านั้นเอง

ปัญหาความชั่วร้ายทางการเมือง ต้องแก้ด้วยการเมืองที่มีคุณธรรม จะยึดแนวของซุนวู “การชนะโดยไม่ต้องรบเป็นวิธีที่ดีที่สุดในสงคราม ถ้าสามารถชักจูงใจศัตรูให้ยอมแพ้ได้โดยไม่รบ และสาบานว่าจะไม่ทำร้ายเมื่อยอมแพ้ เป็นวิธีที่ประเสริฐของแม่ทัพ” ก็น่าจะสอดคล้องกับสถานการณ์ยิ่งกว่า

นั่นก็คือการเมืองในบริบทของบ้านเมืองยามนี้ เป็นการสู้กันด้วยสงครามทางความคิด เป็นการศึกเพื่อแย่งชิงประชาชน ต้องเอาชนะด้วยความคิดและปัญญามิใช่ใช้กำลังหรืออำนาจ และต้องชนะใจประชาชนด้วยความดี มีคุณธรรม ด้วยผลงานการกระทำอันเป็นที่ประจักษ์ แสดงให้เห็นว่าท่านยึดประโยชน์ชาติ ยืนหยัดเพื่อประชาชนเท่านั้น จึงจะเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดและยั่งยืน ครองใจประชาชน

จึงขอฝากยาขมขวดนี้แด่ท่าน ผู้นำด้วยความปรารถนาดีครับ

|คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน
| โดย : ประพันธุ์ คูณมี
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3446 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ.2562
595959859