ทษช. ยื่น 8 ประเด็น "สู้ยุบพรรค" อ้างเสนอชื่อนายกฯ ยึด รธน.

20 ก.พ. 2562 | 10:15 น.
พรรคไทยรักษาชาติหอบเอกสารยื่นศาล รธน. งัด 8 ประเด็น สู้คดียุบพรรค ยัน! เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตามความประสงค์และยินยอมของผู้ได้รับเสนอชื่อ ยึดตาม รธน. ไม่มี ก.ม.ห้ามดำรงตำแหน่งนายกฯ มั่นใจ! ไม่เป็นปฏิปักษ์ฯ ยื่นพยาน 19 ปาก ปัดตอบมีอดีตแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่

วันนี้ (20 ก.พ. 62) นายสุรชัย ชินชัย และนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมทีมกฎหมาย นำเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดียุบพรรค พร้อมบัญชีพยาน เข้ายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญและสำเนาเอกสารส่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 ชุด เพื่อแก้ข้อกล่าวหา กรณีนายทะเบียนพรรคการเมืองยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค ทษช. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (2) ฐานกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จากเหตุเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของกำหนด 7 วัน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้ยื่นคำชี้แจง


ทษช.ยื่นสู้ยุบพรรค

นายสุรชัย กล่าวว่า ประเด็นหลักที่ยื่นแก้ข้อกล่าวหา มี 3 ประเด็น ประเด็นแรก เรายืนยันเจตนาบริสุทธิ์ และไม่มีเจตนาพิเศษใด ๆ ที่มุ่งหวังให้เป็นอย่างอื่น โดยการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ พร้อมทั้งเป็นตามความประสงค์และความยินยอมจากผู้ได้รับการเสนอชื่อ

ประเด็นที่ 2 เห็นว่า ข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น คำว่า "ปฏิปักษ์" ตามพจนานุกรมให้ความหมายว่า เป็นศัตรู เป็นฝ่ายตรงข้าม น่าจะหมายถึงการนำระบอบคอมมิวนิสต์มาใช้ปกครองในประเทศไทย หรือ การเป็นกบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ซึ่งคำร้องยุบพรรค ทษช. ยังขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครของกรรมการบริหารพรรคที่ก็จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครตลอดชีวิต เท่ากับคำร้องดังกล่าวเป็นประเภทเดียวกับคดีอาญาที่ไม่ต่างจากการประหารชีวิตในทางการเมือง

และประเด็นสุดท้าย กกต. มีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ไม่มีการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย คือ ไม่มีการสืบสวนสอบสวนก่อน แต่ข้ามขั้นตอนเป็นการเสนอคำร้อง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ พรรคได้ยื่นบัญชีพยานบุคคล ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค 14 คน และพยานคนกลางที่เป็นบุคคลภายนอก 5 ปาก

เมื่อถามว่า พยานที่เป็นบุคคลภายนอกเป็นบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่นำเสนอต่อศาล ไม่สามารถเปิดเผยได้

เมื่อถามต่อว่า มองว่าการตัดสินคดีของศาลรัฐธรรมนูญควรเสร็จก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสควรให้ประชาชนได้ลงคะแนนวันที่ 24 มี.ค. ก่อน จะเป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งตนเชื่อมั่นในความยุติธรรมที่ศาลจะเมตตาต่อเรา


ทษช.ยื่นสู้ยุบพรรค2

ทั้งนี้ มีรายงานว่า พยานบุคคลภายนอก 5 ปาก ที่พรรคนำเสนอ ไม่มีรายชื่อของบุคคลที่พรรคเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก่อนหน้านี้ ส่วนคำชี้แจงที่ยื่นต่อศาลฯ นั้น มีทั้งสิ้น 20 หน้า โดยข้อต่อสู้ 3 ประเด็นหลักดังกล่าว พรรคได้แยกย่อยชี้แจงเป็น 8 ประเด็น ประกอบด้วย

ข้อ 1 การดําเนินกิจการของพรรคไทยรักษาชาติเป็นไปตามประกาศอุดมการณ์ นโยบายในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ข้อ 2 พรรคฯ ทําตามประสงค์และความยินยอมของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประกาศพระบรมราชโองการ พ.ศ. 2515 และข้อบังคับพรรค ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติเป็นข้อห้ามมิให้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ดํารงตําแหน่งทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี

ข้อ 3 พรรคฯ เข้าใจโดยสุจริตว่า การเสนอชื่อทูลกระหม่อมฯ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการกระทําตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 88, 89 และ พ.ร.ป. เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 13 และ 14 ไม่ใช่เป็นการกระทําที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ข้อ 4 เมื่อมีพระราชโองการวันที่ 8 ก.พ. 2562 เวลา 23.00 น. ภายหลังที่พรรคได้แจ้งรายชื่อบัญชีนายกฯ ไปแล้ว เมื่อเวลา 09.00 น. พรรคฯ จึงได้แถลงโดยทันทีในวันรุ่งขึ้น เพื่อน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมด้วยความจงรักภักดีต่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ทุกพระองค์ เป็นการแสดงเจตนารมณ์โดยชัดเจนว่า พรรคฯ ไม่ติดใจในการเสนอชื่อนายกฯ

ข้อ 5 การกระทําตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และมาตรา 89 ประกอบมาตรา 87 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 13 และมาตรา 14 ให้ถือว่า การเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าว ให้ถือว่า ไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น จึงไม่เป็นการกระทําที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้ผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องในทางใด ๆ ต่อศาลได้

ข้อ 6 พรรคฯ เห็นว่าคําว่า "ปฏิปักษ์" ให้ความหมายว่า ฝ่ายตรงกันข้าม ข้าศึก ศัตรู แต่การกระทําของผู้ถูกร้องได้กระทําการเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเป็นความประสงค์ของทูลกระหม่อมฯ ที่อาสาและยินยอมให้ผู้ถูกร้องเสนอชื่อ มิใช่เป็นการแอบอ้างโดยพละการ

ข้อ 7 กกต. ไม่มีอํานาจหน้าที่นําพระราชโองการมาขยายความกล่าวหาพรรคฯ ว่า กระทําผิดตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 คําขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น เป็นการขยายความของพระราชโองการที่เป็นโทษ เป็นเรื่องที่มิบังควรและไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง อันเป็นการนําพระราชโองการมาแอบอ้างใช้อย่างมีเจตนาไม่สุจริต เป็นการกล่าวหาโดยสร้างฐานความผิดใหม่ ซึ่งไม่มีฐานกฎหมายใด ๆ บัญญัติไว้

ข้อ 8 มติในการประชุมครั้งที่ 18/2562 เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2562 ของ กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรค ไม่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก กกต. จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามมาตรา 41 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และมีพฤติกรรมไม่สุจริต ซึ่งพรรคฯ มีหลักฐานนําเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคฯ จะใช้สิทธิตามกฎหมายดําเนินการที่พรรคฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไป

พรรคไทยรักษาชาติมีความบริสุทธิ์ใจที่จะมุ่งนําเสนอพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญ คดีนี้เป็นคดีที่มีข้อกล่าวหาต่อพรรคฯ อย่างรุนแรง ขอศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดรับฟังความทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนมีคําวินิจฉัยใด ๆ

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีนัดที่จะพิจารณาคำร้องดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 27 ก.พ. เวลา 13.30 น.

595959859