'อภิสิทธิ์' หนุนตัดงบกลาโหม! แต่ต้องมีเหตุผล ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง

20 ก.พ. 2562 | 04:24 น.
'อภิสิทธิ์' หนุนตัดงบกลาโหม แต่ต้องมีเหตุผล ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ยอมรับสมัยเป็นนายกฯ เคยปรับลดมาแล้ว เตรียมแถลงนโยบายภาพรวมเศรษฐกิจ ต้น มี.ค. วอนทุกพรรคหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ ชี้ ปชช. เริ่มบ่นไม่อยากเห็นขัดแย้งอีก แนะเลือกคนที่เป็น ปชต. ไม่ใช่อำนาจนิยม ชวน "ลุงตู่" ร่วมวงดีเบตแคนดิเดตนายกฯ

S__61612242
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2562 - ที่สายไหม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคการเมืองในขณะนี้ ว่า ไม่ควรโจมตีกัน โดยเฉพาะประเด็นที่เห็นแตกต่างสามารถพูดคุยได้ในเชิงนโยบาย ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องงบกระทรวงกลาโหมก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคที่จะนำเสนออะไร อยากให้อยู่ในบรรยากาศด้วยข้อเท็จจริง และเหตุผลเช่นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา งบกลาโหมจะมีลดอยู่ยุคหนึ่ง คือ ปีที่ตนเป็นนายกฯ และมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม มีการปรับลดได้ เพียงแต่การปรับลดต้องมีเหตุผล ว่า ปรับลดด้วยเหตุการณ์และสถานการณ์อะไร ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยที่จะมีการปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม แต่ต้องให้เหตุให้ผล แต่ไม่ควรนำไปสู่ประเด็นความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของงบประมาณภาพรวมทั้งหมด ประชาธิปัตย์จะนำเสนอในช่วงต้นเดือน มี.ค. เพื่อให้เห็นภาพใหญ่ในการบริหารเศรษฐกิจการเงินการคลังทั้งหมด โดยจะแถลงข่าวให้เห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจ ไม่ใช่นโยบายที่นำมาหาเสียงกัน เช่น เรื่องผู้สูงอายุ เทคโนโลยีการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งเหล่านี้ยังพูดกันน้อยเกินไป และจะนำเสนออย่างเป็นระบบ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนก็เริ่มบ่นที่เห็นความขัดแย้ง เพราะคาดหวังปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง อยากให้เกิดความมั่นใจว่า เลือกตั้งแล้วมีความสงบ สามารถเดินหน้าแก้ปัญหาพื้นฐานได้อย่างจริงจัง จึงอยากรู้ว่าจะแก้ปากท้องแก้จนอย่างไร และอยากมั่นใจว่า เมื่อเลือกตั้งแล้วไม่มีความขัดแย้งจนต้องกลับมาสู่จุดนี้อีก จึงอยากให้ทุกพรรคหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ นำแนวคิดการเมืองมาพูดคุยสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่อย่าทำในลักษณะที่ทำให้เกิดบรรยากาศของความขัดแย้ง และเมื่อนายกฯ ลงสมัครเป็นนายกฯ ก็ควรร่วมวงสนทนาสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ ซึ่งจะทำให้เกิดบรรยากาศประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

"ถ้าเราอยากกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยก็ควรได้ผู้นำที่มีลักษณะเป็นประชาธิปไตย คือ ต้องสามารถแลกเปลี่ยนและฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ และแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกับคนอื่นได้ ถ้าไม่สร้างค่านิยมแบบนี้ สุดท้ายจะได้ผู้นำแบบอำนาจนิยม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


S__61612238

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดความสับสนเกี่ยวกับการเมือง พรรคประชาธิปัตย์แสดงให้ประชาชนเห็นว่า มีพรรคการเมืองที่เป็นหลัก มีความเป็นสถาบันทำงานการเมืองอย่างสากลเดินหน้า โดยไม่หวั่นไหวจึงไม่อยากให้ประชาชนหวั่นไหว หรือ เสียสมาธิ วันที่ 24 มี.ค. เป็นโอกาสที่ประชาชนจะนำประเทศชาติหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันให้ได้ ขณะนี้พบว่า ประชาชนตื่นตัว เพราะรอคอยมานาน และหวังที่จะเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งในขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจ คือ การเจริญเติบโต แต่ไปกองอยู่กับคนเพียงกลุ่มเดียว จึงต้องเปลี่ยนวิธีการโดยไปดูรายละเอียดของแต่ละกลุ่ม ว่า มีรายได้อย่างไร จึงนำไปสู่การทำนโยบายประกันรายได้ ทั้งภาคการเกษตร และแรงงาน เพื่อให้มีความแน่นอนและมีความมั่นคงในชีวิต จากนโยบายแบบนี้ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายหลายอย่างมีความคล้ายคลึงกันกับพรรคพลังประชารัฐไม่คล้ายกันเลย เพราะมีทั้งของจริงและของลอกเลียนของจริง คือ ประชาธิปัตย์ทำมาจากการทำงานที่ต่อเนื่อง เช่น เบี้ยยังชีพ การออมแห่งชาติ พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนริเริ่ม ทั้ง ๆ ที่หลายยุคหลายสมัยไม่เคยให้ความสำคัญ รวมถึงนโยบายเด็กวันที่พรรคประชาธิปัตย์เริ่มนโยบายนี้ นายกฯ ยังพูดว่า อย่าไปเชื่อจะเอาเงินมาจากไหน แล้ววันนี้อยู่ดี ๆ จะทำนโยบายแบบเดียวกัน แต่ใช้เงินมากกว่า ที่สำคัญ คือ 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีแนวคิดนี้ ในเรื่องเด็กอายุ 0 ถึง 8 ขวบ รวมถึงการให้เงินเด็กถ้วนหน้า เพราะฉะนั้นการโฆษณานโยบายใครจะพูดอะไรก็ได้ แต่ต้องย้อนกลับไปดูความจริง ว่า เป็นอย่างไร เช่น ราคายางพาราไม่มียุคไหนที่ราคาสูงเท่ากับตอนที่ตนเป็นรัฐบาล ดังนั้น จึงมั่นใจว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เป็นของแท้

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว