สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา

19 ก.พ. 2562 | 10:45 น.
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองศ์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองศ์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ไปในพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2562 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง

65478 65479 65480 S__11550931
วันที่ 19 ก.พ. 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา ครั้นเทียบรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกยหลังพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพุทธศาสนิกชนชาวพุทธจำนวนมากที่มาจับจองพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมไว้บริเวณเส้นทางเสด็จฯ อีกทั้งยังพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ"

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนรุ่งและธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระสัมพุทธพรรณี แล้วทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย จากนั้นทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมมาสน์ศิลา ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์

ผู้อำนวยการกองพระราชพิธีเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเทียนชนวน ทรงหยิบเทียนชนวนจุดไฟที่โคมไฟฟ้า ซึ่งเจ้าพนักงานพระราชพิธีถือถวาย แล้วพระราชทานเทียนชนวนที่ทรงจุดให้ผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เชิญไปถวายเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จุดเทียนรุ่งที่ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน 5 พระอาราม พระสงฆ์ 30 รูป เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นทรงโปรยดอกมะลิที่ธรรมมาสน์ศิลา ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทาน เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่ธรรมมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม ทรงศีล

ในการนี้ พระเทพสังวรญาณ วัดบวรนิเวศวิหาร ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา เรื่อง "โอวาทปาติโมกข์คาถา" ใจความว่า วันมาฆบูชาถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่เกิด "จาตุรงคสันนิบาต" หรือ เหตุอัศจรรย์ 4 ประการ คือ เป็นวันที่พระสงฆ์ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย, พระสงฆ์ที่มาประชุมนั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ ได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า, พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ และวันที่มาประชุมนั้นตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ ซึ่งเป็นหลักคำสอน คือ การไม่ทำชั่วทั้งปวง ทำกุศลให้ถึงพร้อม และทำใจให้บริสุทธิ์ ที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก การไม่ทำบาปทั้งปวงนั้น รวมถึงการไม่ทำบาปทั้งกายวาจาใจ ตรัสสอนว่า หากท่านทั้งหลายกลัวความทุกข์ ความเดือดร้อนต่าง ๆ ท่านอย่าได้ทำบาป ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ดั่งคำตรัสเตือนไว้ว่า "อันความชั่วไม่ทำเสียดีกว่า" การทำกุศลให้ถึงพร้อมมี 3 องค์ ได้แก่ การให้ทานต้องมีเจตนาดี, ผู้ให้ตรงมีเจตนาดีครบถ้วน และผู้รับต้องเป็นคนดีมีคุณธรรม ย่อมมีอานิสงส์มาก และทรงสอนไว้ หากบุคคลทำบุญไซร้ก็ควรทำบ่อย ๆ เพราะการสั่งสมบุญจะนำความสุขมาให้

เมื่อแสดงธรรมเทศนาจบแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระเทพสังวรญาณ ถวายอนุโมทนา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระเทศน์ แล้วทรงยืนประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งจะเดินเข้าไปรับจนหมด พระสงฆ์ถวายอดิเรก แล้วออกจากพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการทองใหญ่ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ แล้วเสด็จฯ กลับ

595959859