ร้อง ปอท. ถูกหลอกลงทุน 'บิทคอยน์' สูญเงินร่วม 500 ล้าน
ผู้เสียหายร้อง ปอท. หลังถูกหลอกให้ลงทุนขุด 'บิทคอยน์' สูญเงินร่วม 500 ล้าน
นายจิรัฎฐวัฒน์ จีระสมบัติ อายุ 34 ปี พร้อมตัวแทนผู้เสียหาย 5 คนเดินทางเข้าพบพ.ต.อ.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์ ผกก.(สอบสวน)กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.)เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ตรวจสอบ เว็บไซด์ชื่อดังและบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากได้ลงทุนเงินดิจิทัล สกุลบิทคอยน์กับเว็บไซต์ โดยมีบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการให้เช่าเครื่องมือขุดเหรียญ และคาดว่า จะได้รับความเสียหายจากการลงทุนสูงกว่า 500 ล้านบาท
ทั้งนี้นายจิรัฎฐวัฒน์ กล่าวว่า ตนและผู้เสียหายอีกกว่าหลายพันคน ได้ร่วมลงทุนกับเว็บไซต์ดังกล่าว หลังพบโฆษณาในโลกโซเชียล และทราบว่า บริษัทแห่งนี้ เป็นสาขาลูกมาจากต่างประเทศ โดยมีที่ตั้งอยู่ใน จ.เชียงใหม่และสาขาในกรุงเทพฯ จึงเกิดความน่าเชื่อถือ และตัดสินใจลงทุนกับเว็บไซต์ดังกล่าว แต่ต่อมาทราบข้อกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องฝากเงินเข้าระบบเริ่มต้น 2,000 บาท เพื่อสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ จากนั้นบริษัทจะทำการแสวงหาบิทคอยน์มาให้ ซึ่งจะได้รับเงินปันผลมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินฝากที่อยู่ในบัญชีของระบบเว็บไซต์
“ผู้เสียหายบางรายหลงเชื่อฝากเงินเข้าระบบไว้จำนวนมากที่สุดกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งช่วงแรกทางเว็บไซต์ก็สามารถหาบิทคอยน์มาให้ตามความต้องการของพวกตนได้ และเมื่อนำบิทคอยน์ไปตรวจสอบก็พบว่า เป็นของจริงสามารถใช้งานได้ จึงทำให้ผู้เสียหายเชื่อใจและลงทุนมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนตุลาคมปี 2561 ทางเว็บไซต์ออกประกาศเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินค่าตอบแทน และชะลอการถอนบิทคอยน์ออกจากระบบ จนกระทั่งช่วงมกราคมที่ผ่านมา ได้ประกาศระงับการถอนบิทคอยน์ออกจากระบบทั้งหมด ซึ่งหลังจากติดต่อไปยังบริษัทเว็บไซต์ดังกล่าวได้รับคำชี้แจงที่ไม่ชัดเจน จึงทำให้ผู้เสียหายเริ่มไม่ไว้วางใจว่าจะมีลักษณะการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่
เบื้องต้น พ.ต.อ.นิติพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพฤติการณ์ของเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่าไม่อยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนของบก.ปอท. จึงได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) เพื่อให้รับเรื่องของผู้เสียหายไปทำการสืบสวนสอบสวน หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงก็จะดำเนินการเรียกบริษัทดังกล่าวมาให้ปากคำก่อนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
ทั้งนี้นายจิรัฎฐวัฒน์ กล่าวว่า ตนและผู้เสียหายอีกกว่าหลายพันคน ได้ร่วมลงทุนกับเว็บไซต์ดังกล่าว หลังพบโฆษณาในโลกโซเชียล และทราบว่า บริษัทแห่งนี้ เป็นสาขาลูกมาจากต่างประเทศ โดยมีที่ตั้งอยู่ใน จ.เชียงใหม่และสาขาในกรุงเทพฯ จึงเกิดความน่าเชื่อถือ และตัดสินใจลงทุนกับเว็บไซต์ดังกล่าว แต่ต่อมาทราบข้อกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องฝากเงินเข้าระบบเริ่มต้น 2,000 บาท เพื่อสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ จากนั้นบริษัทจะทำการแสวงหาบิทคอยน์มาให้ ซึ่งจะได้รับเงินปันผลมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินฝากที่อยู่ในบัญชีของระบบเว็บไซต์
“ผู้เสียหายบางรายหลงเชื่อฝากเงินเข้าระบบไว้จำนวนมากที่สุดกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งช่วงแรกทางเว็บไซต์ก็สามารถหาบิทคอยน์มาให้ตามความต้องการของพวกตนได้ และเมื่อนำบิทคอยน์ไปตรวจสอบก็พบว่า เป็นของจริงสามารถใช้งานได้ จึงทำให้ผู้เสียหายเชื่อใจและลงทุนมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนตุลาคมปี 2561 ทางเว็บไซต์ออกประกาศเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินค่าตอบแทน และชะลอการถอนบิทคอยน์ออกจากระบบ จนกระทั่งช่วงมกราคมที่ผ่านมา ได้ประกาศระงับการถอนบิทคอยน์ออกจากระบบทั้งหมด ซึ่งหลังจากติดต่อไปยังบริษัทเว็บไซต์ดังกล่าวได้รับคำชี้แจงที่ไม่ชัดเจน จึงทำให้ผู้เสียหายเริ่มไม่ไว้วางใจว่าจะมีลักษณะการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนหรือไม่
เบื้องต้น พ.ต.อ.นิติพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพฤติการณ์ของเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่าไม่อยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนของบก.ปอท. จึงได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) เพื่อให้รับเรื่องของผู้เสียหายไปทำการสืบสวนสอบสวน หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริงก็จะดำเนินการเรียกบริษัทดังกล่าวมาให้ปากคำก่อนแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
