กลุ่มรถอเนก ประสงค์ระดับ “มินิเอ็มพีวี” มักถูกขับเคลื่อนด้วยจังหวะเวลาในการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ กล่าวคือใครมีโปรดักต์ที่สดใหม่มักกวาดยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงแรกๆ
ส่วนหนึ่งเพราะรถประเภทนี้อายุการทำตลาดนานครับ และไม่ใช่รถยนต์กระแสหลัก แถมส่งมาจากโรงงานผลิตประเทศอินโดนีเซีย(ส่วนมาก) ดังนั้นค่ายรถยนต์(ในไทย) จึงไม่กดดันในการทำตลาดมาก
ปีที่แล้วกระแสความคึกคักไปตกที่“เอ็กซ์แพนเดอร์” ที่มิตซูบิชิรอเวลาจนสุกงอมกว่าจะพร้อมเปิดตัว และถือว่าประสบความสำเร็จด้วยการใช้เวลา 5 เดือน(ส.ค.-ธ.ค.61) โกยยอดขายไป 5,509 คัน และเห็นว่าตอนนี้ยังมียอดค้างส่งมอบ 2 เดือนเลยทีเดียว
จริงๆ ราคา 7.79 และ 8.49 แสนบาท ของ“เอ็กซ์แพนเดอร์” สูงกว่าที่ผมคาดไปนิด แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ฉีกแนวดูทันสมัย ตัวถังใหญ่ ภายในกว้างขวาง ทั้งยังสื่อสารการตลาดดี วางตำแหน่งโปรดักต์แบบกํ้ากึ่งแทงกั๊กระหว่าง “ครอสโอเวอร์” กับ “เอ็มพีวี” จึงไม่มีคู่เปรียบแบบเต็มๆ (ค่ายอื่นชัดเจนว่าเป็นเอ็มพีวี)
ในกลุ่มนี้ “โตโยต้า เซียนต้า” (ประกอบอินโดนี เซีย)ราคา 7.5 และ 8.65 แสนบาท โดดเด่นด้วยประตูสไลด์ 2 ฝั่ง ส่วน“ฮอนด้า โมบิลิโอ้”(ประกอบไทย) ราคา 6.59-7.63 แสนบาท มีขุมพลังขับเคลื่อนที่จี๊ดจ๊าดที่สุด แถมประหยัดนํ้ามันพอๆกันถึงดีกว่าคู่แข่งหลายรุ่น (ตามข้อมูลจากอีโคสติกเกอร์)
ขณะที่ เปลี่ยนเครื่องยนต์เบนซินจากพิกัด 1.4 ลิตร 92 แรงม้า เป็น 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งราคายั่วยวนมากๆคือ เริ่มต้นรุ่น GL 6.55 แสนบาท และตัวท็อป GX 6.95 แสนบาท หรือตํ่ากว่าคู่แข่งในท้องตลาด
การเปลี่ยนแปลงถือว่าน่าสนใจครับ เพราะนอกจากขุมพลังแล้ว ในเชิงโครงสร้างยังยกชุดใหม่ด้วยการใช้แพลตฟอร์ต HEARTTECH ที่มีความยืดหยุ่น นํ้าหนักเบาลงและแข็งแกร่ง
ภายใต้วิศวกรรมโครงสร้างนี้ “ซูซูกิ เออร์ติก้า โฉมใหม่” มีตัวถังใหญ่กว่าเดิมทุกมิติ คือ กว้าง 1,735 มม. (+40 มม.) ยาว 4,395 มม.(+130 มม.) สูง 1,690 มม. (+5 มม.) แต่นํ้าหนักเบาลง 50 กิโลกรัม ส่วนระยะตํ่าสุดจากพื้นเตี้ยลงอีก 5 มม. ระยะฐานล้อเท่าเดิม 2,740 มม.
การเข้า-ออกภายในห้องโดยสาร สะดวกสบายด้วยระยะตํ่าสุดจากพื้น 180 มม. ประตูบานหน้าและบานหลังเปิดออกได้กว้าง เมื่อเข้าไปนั่งตำแหน่งผู้ขับพบว่า ทัศนวิสัยดีจากตำแหน่งเบาะนั่งสูงๆ ลักษณะการควบคุมพวงมาลัยอารมณ์คล้ายๆขับรถตู้ ส่วนเบาะนั่งแถว 2 พื้นที่กว้างขวาง ตัวเบาะเลื่อนหน้าถอยหลังได้ 240 มม.(ส่วนหนึ่งเพื่อเลื่อนให้คนเข้าไปนั่งแถว 3 ได้สะดวก)
การประกอบและวัสดุจากโรงงานอินโดนีเซีย เดี๋ยวนี้เนียนขึ้นมากครับ แต่ยังมีบางจุดที่สะดุดตาอย่าง ตัวสกรูที่ยึดกับมือจับบนหลังคาก็เปลือยให้เห็นตัวโลหะเต็มๆ ด้านแผงแดชบอร์ดหน้ามีฟรอนท์เหมือนจอขนาดใหญ่ แต่จริงๆ ไม่ได้มีความสำคัญอะไร นอกเหนือไปจากแสดงผลของการควบคุมชุดเครื่องเสียง และมีเนื้อที่หน้าจอดิจิทัลเล็กๆอยู่นิดเดียว
ส่วนการตกแต่งด้วยลายไม้สีเข้ม ผมไม่ได้ติดใจอะไรมาก แต่ชอบลักษณะของพวงมาลัยแบบ “D-shape” (ท้ายตัด) ที่หุ้มหนังพร้อมแต้มด้วยลายไม้ในส่วนล่างสวยงามลงตัว พร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน(เครื่องเสียง โทรศัพท์ บลูทูธ) ส่วนฟังก์ชันที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นท็อปและรุ่นเก่าไม่มี คือ ระบบกุญแจ Keylees พร้อมปุ่ม Push start
“เออร์ติก้า โฉมใหม่” ยังจัดการเรื่องเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี (ในระดับมินิเอ็มพีวี) ช่วงล่างการทรงตัวนิ่งแน่น อาการยวบยาบน้อยเมื่อใช้ความเร็วสูง
ขุมพลัง 4 สูบ 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ตอบสนองดีช่วงออกตัว ใช้งานในเมืองคล่องแคล่ว ด้วยอัตราทดเฟืองท้าย 4.278 และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์เปลี่ยนแปลงอัตราทดด้วยชุดเฟือง พยายามทำงานเต็มที่ในการส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ประมาณ 14 วินาที
สมรรถนะในภาพรวม ไม่แรงจี๊ดจ๊าดอยู่แล้วละครับ แต่เพียงพอต่อการใช้งาน (การทดสอบนั่ง 3 คน) ซึ่งวิ่งทางไกลความ เร็วสูง หรือ 120 กม./ชม. เห็นรอบเครื่องยนต์แตะระดับ 3,000
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันในโหมดเฉลี่ยตามอีโคสติกเกอร์ระบุไว้ 15.8 กม./ลิตร ส่วนการขับจริงบนเส้นทางนอกเมืองเชียงราย มีช่วงขึ้นเขา ลงเนิน และทางเรียบใช้ความเร็วต่อเนื่องในย่าน 80-120 กม./ชม. ผมยังเห็นตัวเลขระดับ 14-15 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...การมาของ“เออร์ติก้า เจเนอเรชันที่2”ซูซูกิวางเป้าหมายของกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังแบบกว้างกระจาย ทั้งซื้อไปเพื่อใช้งานแบบครอบครัว และคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย กิจกรรมเยอะ ต้องการความอเนก ประสงค์ ดังนั้นการสื่อสารประชาสัมพันธ์จึงดูกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น (ใช้รถสีแดงเป็นสีโปรโมต) ส่วนสมรรถนะรวมๆไม่ด้อยกว่าคู่แข่ง แต่ไม่ถึงกับโดดเด่นแบบชนะขาด ที่ชัดเจนและเป็นเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจซื้อได้ดีคือ ราคาสบายกระเป๋า มีความคุ้มค่าเมื่อเทียบสิ่งที่ได้รับ
โดย กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,445 วันที่ 17 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562