บิ๊กเนมพลิกเกม! กระจายเสี่ยงรับมือดิสรัปต์-เศรษฐกิจโลก

17 ก.พ. 2562 | 01:51 น.
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2562 ถูกท้าทาย และคาดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะถูกบีบทั้งมาตรการรัฐแง่ควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย การเลือกตั้งที่อาจพลิกจากบวกเป็นลบ พ่วงทิศทางเศรษฐกิจหดตัว รวมถึงข้อกฎหมายภาษีและผังเมืองใหม่ ยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการชะลอตัวในหลายด้านของตลาดและซัพพลายใหม่จำนวนมากที่กำลังจะออกสู่ตลาด ส่งผลไม่เพียงแต่บริษัทขนาดกลางและเล็กต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง แต่บริษัทมหาชนก็ต้องปรับแผนตั้งรับเช่นกัน โดยเฉพาะการแตกไลน์ธุรกิจไปสู่ธุรกิจที่จะสร้างรายได้ประจำมั่นคงระยะยาวมากขึ้น

การแตกขยายฐานธุรกิจจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายไปสู่อสังหาฯ เพื่อเช่า สร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอนั้น บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ของ นายอนันต์ อัศวโภคิน พี่ใหญ่แห่งวงการอสังหาฯ ถือเป็นรายแรกที่ขยายพอร์ตด้านอสังหาฯ เพื่อเช่า ช่วยเติมเต็มรายได้และกำไรให้มีอัตราการเติบโตตามเป้าหมาย แม้ในปีที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี สำหรับปี 2562 นี้ แผนธุรกิจของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จัดแผนลักษณะตั้งรับความเสี่ยงเต็มที่ เปิดโครงการใหม่แนวราบรวม 16 โครงการ เกือบ 3 หมื่นล้านบาท แต่งดเปิดใหม่ในกลุ่มคอนโดมิเนียมและไปเพิ่มงบลงทุนด้านอสังหาฯ เพื่อการให้เช่าประมาณ 3 พันล้านบาท ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจเพื่อการขาย 3.2 หมื่นล้านบาท และเพื่อเช่าอีก 5 พันล้านบาท ผ่านธุรกิจโรงแรม, เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงโครงการอาคารสำนักงานที่มีอีก 7,700 ตร.ม. โดยที่ปัจจุบันมีสัดส่วนจากรายได้ประจำอยู่ที่ 30% จากรายได้รวมทั้งหมด และขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการขยายไปยังธุรกิจค้าปลีก (รีเทล) 1-2 แห่ง ตั้งเป้ามีพื้นที่ขายรวมทั้งสิ้น 37,000 ตร.ม. ในช่วงปี 2564 ขณะที่ ตั้งเป้าใน 10 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีสัดส่วนจากรายได้ประจำ ปรับเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 50%


MP25-3445-A*

ด้าน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เชื่อว่า ปี 2562 บริษัทคงไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เข้ามาท้าทาย ประกอบกับปีที่ผ่านมามียอดขายจากการพัฒนาโครงการต่าง ๆ รอโอนกรรมสิทธิ์รวม 4.1 หมื่นล้านบาท จึงยังคงจะเดินหน้าใช้กลยุทธ์พัฒนาคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า ขณะเดียวกัน มีแผนกระจายช่องทางรายได้ โดยการเพิ่มพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 5 แห่ง มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากส่วนดังกล่าว 1.7 พันล้านบาท ในช่วง 5 ปี ในอนาคตเป็นสัดส่วน 20% จากรายได้รวมทั้งหมด

ส่วน บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) ล่าสุด ประกาศปรับวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ เปิดโมเดล 3 ธุรกิจใหม่ กระจายความเสี่ยงตลาดอสังหาริมทรัพย์ และจับโอกาสต่อการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน โดยธุรกิจใหม่ประกอบด้วย 'วาริ' เกี่ยวเนื่องกับพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ นำเทคโนโลยีมาปรับลดทอนการทำงานของบุคคล ตอบสนองการอยู่อาศัยของคนยุคใหม่, 'เคลย์มอร์' ดำเนินธุรกิจพัฒนานวัตกรรมดีไซน์ต่อยอดธุรกิจพัฒนาโครงการ และ 'เอสอีเอซี' คล้ายธุรกิจการศึกษา สร้างการเรียนรู้ของคนในองค์กรและคนทั่วไป ตั้งเป้าดันรายได้รวมแตะหลัก 6 หมื่นล้านบาท ในช่วงปี 2565 เป็นสัดส่วน 10% ของรายได้รวมทั้งหมด ประกอบกับ 2 ธุรกิจ ที่แตกไลน์ก่อนหน้า คือ 'บีซี' บริการรับฝากขาย-เช่าอสังหาฯ ทุกรูปแบบ และอีกส่วน 'สมาร์ท' ธุรกิจบริหารและจัดการอสังหาฯ แบบครบวงจร ทั้งนี้ หัวเรือใหญ่ นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน กล่าวว่า ทั้งธุรกิจใหม่และเก่าจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะเสริมกับธุรกิจหลักพัฒนาโครงการเพื่อขาย สร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างก้าวกระโดด

"ธุรกิจอสังหาฯ ยังไม่ตัน ยังไปได้อีกไกล เชื่อว่า ในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า จะมีวัยทำงานที่พร้อมจะซื้อบ้านจำนวนมาก"


➣ 
ตลาดปีหมูไม่หมู

บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โดย นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เปิดพอร์ตลงทุนปี 2562 เปิดโครงการใหม่ ทั้งร่วมทุนและพัฒนาเอง 22 โครงการ รวมมูลค่า 2.4 หมื่นล้านบาท นอกจากรายได้จะมาจากการส่งมอบอสังหาฯ 92% แล้ว ยังมีสัดส่วนจากรายได้อื่น 8% ได้แก่ ธุรกิจโซลาร์

นอกจากนี้ ยังมุ่งไปสู่ธุรกิจอาคารสำนักงาน โรงแรม ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาลักษณะการลงทุนร่วมกับพันธมิตร AIRA และ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ในแนวทางนั้นอาจจะเป็นการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ หรือเป็นการเข้าซื้อกิจการเพื่อนำมาปรับปรุง ทั้งหมดเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำให้กับบริษัทในระยะยาว

"ยอมรับว่า ตลาดปีหมูไม่ได้หมูอย่างที่คิด มีความเสี่ยงด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยทำให้ซื้อบ้านได้ยากขึ้น เป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยโจทย์ยากและความท้าทาย แต่บริษัทมีกลยุทธ์และพันธมิตรที่เข้ามามีส่วนช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตได้"

ขณะ บมจ.แสนสิริ ยังคงเชื่อมั่นในพื้นฐานที่แข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย เคาะ 28 โครงการใหม่ 4.66 หมื่นล้านบาท ทั้งใน กทม.-ต่างจังหวัด และเน้นจับตลาดใหม่ ๆ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี และเวียดนาม เป็นต้น ขณะที่ผ่านมาได้ลงทุน "ไฟส่องสว่างพลังงานแสงอาทิตย์" ในโครงการบ้านจัดสรร ร่วมกับ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือบางจาก

หน้า 25-26  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,445 วันที่ 17-20 กุมภาพันธ์ 2562

ติดตามฐาน