บัตรคนจนกด"เงินสด"ได้พ่นพิษ ร้านธงฟ้ายอดวูบ 80%
ร้านธงฟ้าประชารัฐบ่นอุบ รัฐไฟเขียวให้ผู้ถือบัตรคนจน กดเงินสดซื้อของที่อื่นได้ ทำยอดขายวูบ 20-80% ภาวนาแค่ผลกระทบระยะสั้น หวังสิ้นเมษายนยอดขายกลับมาเหมือนเดิม ผู้ประกอบการข้าวถุงยอมรับยอดสั่งข้าวเข้าร้านธงฟ้าลดลงตาม
กว่า 2 ปีที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือและลดภาระผู้มีรายได้น้อย ส่วนหนึ่งรัฐได้เติมเงินในบัตร 200-300 บาท/เดือนเพื่อให้นำไปรูดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ทั่วประเทศเวลานี้เกือบ 6 หมื่นร้าน (200 บาทสำหรับผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาทแต่ไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อปี และ 300 บาทสำหรับผู้มีรายได้ตํ่ากว่า 3 หมื่นบาทต่อปี) ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 มกราคม 2562 ได้เห็นชอบให้ผู้ถือบัตรนำบัตรไปกดเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยได้ 100 และ 200 บาทต่อเดือนตามลำดับโดยซื้อสินค้าร้านค้าทั่วไปได้ แต่ต้องคงเงินในบัญชีไว้ 100 บาท เพื่อซื้อสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตรอัตโนมัติ (EDC) ในร้านค้าธงฟ้าฯ ล่าสุดจากการตรวจสอบพบร้านค้าธงฟ้าฯ ที่เข้าร่วมโครง การ ได้รับผลกระทบ ยอดขายลดลงอย่างมาก
แหล่งข่าวจากร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่ภาคกลาง เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การอนุมัติกดเงินสดออกมาได้นั้น ได้รับเสียงสะท้อนจากร้านค้าธงฟ้าฯ ที่เป็นร้านโชวห่วยเล็กๆ ในชุมชน ที่มีสินค้าไม่หลากหลาย เวลานี้บางร้านยอดขายหายไปจากเดิม 70-80% ขณะที่ร้านของตนเป็นร้านขนาดใหญ่ ซึ่งทำทั้งขายส่งและขายปลีก มี 9 สาขากระจายอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยอดขายขณะนี้ลดลงจากเดิมประมาณ 20% ต่อวัน เช่น จากมียอดขาย 2 แสนบาทต่อวัน เหลือประมาณ 1.6 แสนบาท เป็นต้น ซึ่งมองว่าเป็นผลกระทบจากปัจจัยข้างต้น
“ผลกระทบครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นระยะสั้น เพราะผู้ถือบัตรสามารถกดเงินสดได้ช่วงทดลองเพียง 3 เดือนคือกุมภาพันธ์ถึงเมษายนนี้เท่านั้น หลังจากนั้นให้ใช้บัตรรูดซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าฯเหมือนเดิม ยอดขายน่าจะกลับมา”
ด้านนายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ยอดขายข้าวสารบรรจุถุงในร้านค้าธงฟ้าฯ เวลานี้ลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่รัฐบาลเปลี่ยนระบบจากเดิมให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องใช้บัตรรูดซื้อสินค้าอย่างเดียวเป็นสามารถกดเงินสดได้ ทำให้ประชาชนมีช่องทางในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งคนยุคใหม่มีทางเลือกในการบริโภคเพิ่มขึ้น รับประทานข้าวลดลง
นายวิเชียร อย่าห้าม ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จังหวัดสุโขทัย มองอีกมุมว่า หลังจากที่รัฐบาลอนุมัติให้ผู้ถือบัตรสามารถกดเงินสดได้ครั้งละ 100-200 บาท และไม่จำเป็นต้องไปซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าฯ ในขณะนี้ได้สร้างความยุ่งยากให้กับผู้ถือบัตรในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยตั้งอยู่ ทำให้ต้องเดินทางเข้าไปในตัวอำเภอ เสียค่าเดินทางไป-กลับ หรือหากฝากคนอื่นไปกดแทนเสียค่าบริการ 20 บาท มองว่าไม่คุ้ม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับระบบกลับมาให้รูดซื้อสินค้าในจำนวนเงินเท่าเดิม
“ควรให้สามารถรูดซื้อสินค้าได้เหมือนเดิมคือ 200-300 บาท เพราะส่วนใหญ่การซื้อสินค้าแต่ละครั้งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างข้าวสาร 1 ถุง ราคา 95 บาท หากมีวงเงิน 200 บาทก็ไม่สามารถซื้อสินค้าอย่างอื่นได้อีก ต้องจ่ายเป็นเงินสด และการไปกดเงินก็มีปัญหาทั้งรอนาน เสียเวลาในการเดินทาง สร้างความเดือดร้อนให้กับคนหาเช้ากินคํ่า”
ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันมีร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องอีดีซี และแอพพลิเคชันถุงเงินแล้ว จำนวน 55,000 ร้านค้า จากเป้าหมาย 1 แสนร้านค้า มีผู้ผลิตสินค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 60 ราย อาทิ เครือสหพัฒน์, ยูนิลีเวอร์ไทยเทรดดิ้ง, ซีพี คอนซูเมอร์โพร ดักส์, ไทยฟู้ดแคนนิ่ง, ทวีชัย ฟู๊ด แมนูแฟคเจอริ่ง, พูนสินทั่งง่วนฮะ, โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย เป็นต้น ทั้งนี้มีจำนวนผู้ถือบัตร 14.5 ล้านคน สิทธิประโยชน์ เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกกว่าท้องตลาด ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาท/คน/3 เดือน เป็นต้น
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,445 วันที่ 17 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
กว่า 2 ปีที่รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือและลดภาระผู้มีรายได้น้อย ส่วนหนึ่งรัฐได้เติมเงินในบัตร 200-300 บาท/เดือนเพื่อให้นำไปรูดซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ทั่วประเทศเวลานี้เกือบ 6 หมื่นร้าน (200 บาทสำหรับผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาทแต่ไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อปี และ 300 บาทสำหรับผู้มีรายได้ตํ่ากว่า 3 หมื่นบาทต่อปี) ล่าสุดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 มกราคม 2562 ได้เห็นชอบให้ผู้ถือบัตรนำบัตรไปกดเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยได้ 100 และ 200 บาทต่อเดือนตามลำดับโดยซื้อสินค้าร้านค้าทั่วไปได้ แต่ต้องคงเงินในบัญชีไว้ 100 บาท เพื่อซื้อสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตรอัตโนมัติ (EDC) ในร้านค้าธงฟ้าฯ ล่าสุดจากการตรวจสอบพบร้านค้าธงฟ้าฯ ที่เข้าร่วมโครง การ ได้รับผลกระทบ ยอดขายลดลงอย่างมาก
แหล่งข่าวจากร้านค้าธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่ภาคกลาง เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การอนุมัติกดเงินสดออกมาได้นั้น ได้รับเสียงสะท้อนจากร้านค้าธงฟ้าฯ ที่เป็นร้านโชวห่วยเล็กๆ ในชุมชน ที่มีสินค้าไม่หลากหลาย เวลานี้บางร้านยอดขายหายไปจากเดิม 70-80% ขณะที่ร้านของตนเป็นร้านขนาดใหญ่ ซึ่งทำทั้งขายส่งและขายปลีก มี 9 สาขากระจายอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยอดขายขณะนี้ลดลงจากเดิมประมาณ 20% ต่อวัน เช่น จากมียอดขาย 2 แสนบาทต่อวัน เหลือประมาณ 1.6 แสนบาท เป็นต้น ซึ่งมองว่าเป็นผลกระทบจากปัจจัยข้างต้น
“ผลกระทบครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นระยะสั้น เพราะผู้ถือบัตรสามารถกดเงินสดได้ช่วงทดลองเพียง 3 เดือนคือกุมภาพันธ์ถึงเมษายนนี้เท่านั้น หลังจากนั้นให้ใช้บัตรรูดซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าฯเหมือนเดิม ยอดขายน่าจะกลับมา”
ด้านนายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ยอดขายข้าวสารบรรจุถุงในร้านค้าธงฟ้าฯ เวลานี้ลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่รัฐบาลเปลี่ยนระบบจากเดิมให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต้องใช้บัตรรูดซื้อสินค้าอย่างเดียวเป็นสามารถกดเงินสดได้ ทำให้ประชาชนมีช่องทางในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งคนยุคใหม่มีทางเลือกในการบริโภคเพิ่มขึ้น รับประทานข้าวลดลง
นายวิเชียร อย่าห้าม ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จังหวัดสุโขทัย มองอีกมุมว่า หลังจากที่รัฐบาลอนุมัติให้ผู้ถือบัตรสามารถกดเงินสดได้ครั้งละ 100-200 บาท และไม่จำเป็นต้องไปซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าฯ ในขณะนี้ได้สร้างความยุ่งยากให้กับผู้ถือบัตรในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยตั้งอยู่ ทำให้ต้องเดินทางเข้าไปในตัวอำเภอ เสียค่าเดินทางไป-กลับ หรือหากฝากคนอื่นไปกดแทนเสียค่าบริการ 20 บาท มองว่าไม่คุ้ม อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับระบบกลับมาให้รูดซื้อสินค้าในจำนวนเงินเท่าเดิม
“ควรให้สามารถรูดซื้อสินค้าได้เหมือนเดิมคือ 200-300 บาท เพราะส่วนใหญ่การซื้อสินค้าแต่ละครั้งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างข้าวสาร 1 ถุง ราคา 95 บาท หากมีวงเงิน 200 บาทก็ไม่สามารถซื้อสินค้าอย่างอื่นได้อีก ต้องจ่ายเป็นเงินสด และการไปกดเงินก็มีปัญหาทั้งรอนาน เสียเวลาในการเดินทาง สร้างความเดือดร้อนให้กับคนหาเช้ากินคํ่า”
ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ปัจจุบันมีร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องอีดีซี และแอพพลิเคชันถุงเงินแล้ว จำนวน 55,000 ร้านค้า จากเป้าหมาย 1 แสนร้านค้า มีผู้ผลิตสินค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 60 ราย อาทิ เครือสหพัฒน์, ยูนิลีเวอร์ไทยเทรดดิ้ง, ซีพี คอนซูเมอร์โพร ดักส์, ไทยฟู้ดแคนนิ่ง, ทวีชัย ฟู๊ด แมนูแฟคเจอริ่ง, พูนสินทั่งง่วนฮะ, โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย เป็นต้น ทั้งนี้มีจำนวนผู้ถือบัตร 14.5 ล้านคน สิทธิประโยชน์ เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกกว่าท้องตลาด ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาท/คน/3 เดือน เป็นต้น
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,445 วันที่ 17 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
