"3 กูรู" ตั้งโจทย์รัฐบาลใหม่

18 ก.พ. 2562 | 04:36 น.
3 กูรู 3 วงการ ตั้งโจทย์การบ้าน "รัฐบาลใหม่" ชงเร่งแก้ปัญหาด้านการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก เปิดเสรีดิวตี้ฟรี ลดภาษีนำเข้าสินค้าหรู เดินหน้ามาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟื้น

นับถอยหลังเหลืออีก 30 วันเศษ ที่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นั่นหมายถึงอีกไม่นานประเทศไทยจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาขับเคลื่อนให้พร้อมเดินไปข้างหน้าเต็มสูบ แม้ยังยากจะคาดเดาว่าจะได้รัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากเพียงพรรคเดียว หรือจะเป็นรัฐบาลผสม แต่เบื้องต้นเชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ และเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคงจะช่วยลดดีกรีความร้อนแรงของปัจจัยลบที่ถาโถมเข้ามา ทั้งจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ


mp32-3445-1

เศรษฐกิจที่อึมครึมจะเริ่มส่องสว่าง จากรัฐบาลใหม่ ... "ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมแนวคิดและมาตรการเร่งด่วนที่อยากให้ "รัฐบาลใหม่" เร่งดำเนินการ


➣ ยกระดับ-เพิ่มขีดแข่งขันเวทีโลก

นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้บริหารโรงพยาบาลและธุรกิจดูแลสุขภาพ "โรงพยาบาลธนบุรี" เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภายหลังการเลือกตั้งหากมีรัฐบาลใหม่เข้ามา มองว่า สิ่งที่ภาครัฐควรมีการแก้ไขเป็นลำดับต้น ๆ ประกอบด้วย 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.เรื่องของการศึกษาที่ต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน เพราะต้องยอมรับว่า มาตรฐานการศึกษาไทยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ตํ่ามาก 2.เรื่องต่อมาที่ควรแก้ไขถือเป็นเรื่องที่ต่อยอดมาจากเรื่องของการศึกษาน นั่นคือ เรื่องของความสามารถในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศ 3.เรื่องของกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ยังสู้กับต่างประเทศไม่ได้

 

[caption id="attachment_389478" align="aligncenter" width="319"] บุญ วนาสิน บุญ วนาสิน[/caption]

ทั้งนี้ หากมองในแง่ภาคเอกชนก็อยากให้คณะรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศมีความมั่นคงในการบริหาร แต่โดยส่วนตัวยังมองว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากฝ่ายบริหารที่เข้ามานั้นมาจากหลายพรรคและหลายฝ่าย ซึ่งมีไอเดียและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่า ทุกคนก็คาดหวังว่า รัฐบาลชุดต่อไปจะสามารถคุมสถานการณ์ได้


➣ ดึงมืออาชีพคุม 5 กระทรวงหลัก

อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัวอยากแนะนำในเรื่องของรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหาร 5 กระทรวงหลัก ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงการคลัง, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือ กระทรวงที่มีความเกี่ยวข้องกับภาคเศรษฐกิจ จำเป็นต้องใช้มืออาชีพเข้ามาดำรงตำแหน่ง เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันในเรื่องของเศรษฐกิจกับหลากหลายประเทศในระดับโลกและไทยก็ไม่ใช่ประเทศที่อยู่โดดเด่นอยู่ประเทศเดียว มีทั้งกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา ที่กำลังมาแรงทางเศรษฐกิจ ซึ่งถ้าหากไทยไม่ปรับตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องลำบากในการแข่งขัน

"หากเราไม่ปรับตัวเรื่องการแข่งขันทางเศรษฐกิจ เราอาจจะหลุดจากคำว่า Sixth Asian Tiger อีกระลอกก็ได้ เพราะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา ถือเป็นกลุ่มประเทศที่กำลังมาแรงทางเศรษฐกิจก็เป็นได้"


➣ เสรีดิวตี้ฟรี-ลดภาษีแบรนด์เนม

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดหวังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะผ่านพ้นไปและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนจะอยู่ในรูปแบบใด รัฐบาลพรรคเดียว หรือจะเป็นรัฐบาลผสม ยังคงต้องรอผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเดินหน้าทางการค้าและการลงทุนของประเทศไทยและส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวม ทั้งนี้ สิ่งแรกที่อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.การเปิดแข่งขันเสรีร้านค้าปลอดภาษี หรือ ดิวตี้ฟรี ในสนามบินและพื้นที่ค้าปลีกนอกสนามบิน จากเดิมที่ผูกขาดมานาน 2.จัดทำมาตรการลดภาษีนำเข้าสินค้าลักชัวรีอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องหนัง และนาฬิกาหรู เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

 

[caption id="attachment_389480" align="aligncenter" width="258"] วรวุฒิ อุ่นใจ วรวุฒิ อุ่นใจ[/caption]

3.ส่งเสริมอุตสาหกรรมค้าปลีกค้าส่งอย่างจริงจัง เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่า ค้าปลีกเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาคค้าปลีก-ค้าส่งมีสัดส่วน GDP ด้านการผลิตราว 16% เป็นอันดับ 2 รองจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งการขยายตัวของภาคค้าปลีกจะทำให้เกิดการจ้างงาน เกิดการลงทุน แต่หากไม่เกิดการลงทุน การจับจ่ายถดถอย เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี ก็จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ หรือ โดมิโน เอฟเฟกต์

"วันนี้หากภาครัฐไม่เร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ให้เดินหน้าต่อ ย่อมส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์อสังหาริมทรัพย์ ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ ผู้รับเหมา ผู้ค้าฮาร์ด ไลน์ รวมถึงแรงงานในภาคต่าง ๆ ด้วย"


➣ สานต่อนโยบายขับเคลื่อน ศก.

นายรติ พันธุ์ทวี นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากเลือกตั้งสิ่งที่คาดว่าจะเห็นจากนี้ คือ บรรยากาศความคึกคักของเศรษฐกิจ การจับจ่ายของผู้บริโภคจะกลับมา ซึ่งจะส่งผลต่องบประมาณสื่อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนตัวเชื่อว่าอาจจะขึ้นมาไม่มาก ขณะเดียวกันการเลือกตั้งครั้งนี้จะเห็นการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย หรือ สื่อออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการประชาสัมพันธ์นโยบายผ่านสื่อออนไลน์

 

[caption id="attachment_389481" align="aligncenter" width="290"] รติ พันธุ์ทวี รติ พันธุ์ทวี[/caption]

ทั้งนี้ ในมุมส่วนตัวยังคงรอติดตามนโยบายชุดใหม่ ทั้งในด้านการลงทุนของประเทศไทย เมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ที่ภาครัฐจะดำเนินงานหลังการเลือกตั้ง หลังจากที่ประเทศไทยเกิดปัญหาชะงักด้านเศรษฐกิจและประเทศมาสักพัก

ขณะเดียวกัน หากการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดี ส่วนตัวก็อยากจะเห็นการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ ดังนี้ 1.การดำเนินงานตามนโยบายที่ภาครัฐนำเสนอไว้ 2.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีการเติบโต 3.ธุรกิจโฆษณาเติบโตตามระบบเศรษฐกิจ 5-10%

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,445 ระหว่างวันที่ 17 - 20 กุมภาพันธ์ 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว