ยังไม่งัดม.44 อุ้มค่างวดมือถือ
"ทรู-เอไอเอส" รอไปก่อนหลัง "วิษณุ" เผยเอกชนขอหลายอย่าง อ้างเป็นเหตุผลร่วมประมูล5G
วันนี้ (14ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)นำผู้บริหารจาก 3 ค่ายมือถือคือ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในกลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ ดีแทค เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลาการชำระค่างวดเงินประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ออกไปเป็นปี 2563 โดยขอให้ใช้ ม.44 ยืดการชำระออกไปว่า ไม่มี ยังไม่มีการพูด ไม่มีข้อสรุป และ ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เขาเพียงแค่มาเล่าปัญหาให้ฟังว่าปัญหาคืออะไร ต้องการอะไร
"หากพูดถึงความต้องการ เขาก็ต้องการหลายอย่าง แต่ผมในฐานะรัฐบาลอยากรู้อย่างเดียวเท่านั้นว่า ถ้ามีการเปิดประมูล บริษัทเหล่านี้จะเข้าประมูลด้วยหรือไม่ ซึ่งเขาก็บอกว่าต้องดูก่อน เพราะการประมูลมันต้องใช้เงิน แต่เขาไม่มีเงิน เขาก็ต้องดูว่ารัฐจะช่วยเหลืออะไร มีเงื่อนไขอย่างไร หากเป็นเงื่อนไขที่เขารับได้ก็จะเอาไปคิด แต่ถ้ารับไม่ได้เขาก็อาจจะไม่เข้าประมูล ซึ่งทั้งหมดนี่ คือปัจจัยหรือตัวแปรที่รัฐต้องเอามาคิด ดังนั้นจึงยังไม่มีคำตอบอะไรทั้งสิ้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะใช้ม.44 ตามที่มีการเสนอมา นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ต้องพูดไปถึงจุดนั้น เพราะอยู่ที่ว่าเงื่อนไขต่างๆคืออะไร เงื่อนไขบางเรื่องอยู่ในอำนาจของ กสทช. เงื่อนไขบางอย่างหากไปถึงจุดนั้นกสทช.อาจทำอะไรให้ไม่ได้ เพราะติดกฎหมาย ก็ต้องแก้กฎหมาย และก็ต้องมาดูอีกว่าหากแก้กฎหมายจะแก้ด้วยวิธีปกติหรือวิธีอื่น จะทำในสมัยรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลหน้า ซึ่งเอาไว้ค่อยพูดกัน แต่เบื้องต้นต้องรู้กันก่อนว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร ต้องคุยกันอีกหลายครั้ง ตนพยายามจะไม่พูดอะไร
เมื่อถามว่าทางบริษัทเอกชน ได้มีการพูดหรือไม่ว่าหากไม่มีการประมูลขึ้นมา การให้บริการ 5G ในบ้านเราอาจจะไม่ทัน นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่เขาพูดอย่างนั้น แต่จริงหรือไม่เดี๋ยวเราต้องไปดูกันอีกทีหนึ่ง แน่นอนเราอยากเดินไปสู่ 5G แต่การจะไปสู่ 5G มันต้องพัฒนาอะไรหลายอย่างรองรับ และการจะพัฒนาอะไรเหล่านั้นมันก็ต้องทำโดยรัฐและเอกชน และที่สำคัญคือต้องใช้เงิน อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะมีความชัดเจนเมื่อไหร่ ยังตอบไม่ได้ ต้องพูดคุยกันอีกหลายครั้ง
วันนี้ (14ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)นำผู้บริหารจาก 3 ค่ายมือถือคือ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในกลุ่มบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ ดีแทค เข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับการขอขยายระยะเวลาการชำระค่างวดเงินประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz ออกไปเป็นปี 2563 โดยขอให้ใช้ ม.44 ยืดการชำระออกไปว่า ไม่มี ยังไม่มีการพูด ไม่มีข้อสรุป และ ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เขาเพียงแค่มาเล่าปัญหาให้ฟังว่าปัญหาคืออะไร ต้องการอะไร
"หากพูดถึงความต้องการ เขาก็ต้องการหลายอย่าง แต่ผมในฐานะรัฐบาลอยากรู้อย่างเดียวเท่านั้นว่า ถ้ามีการเปิดประมูล บริษัทเหล่านี้จะเข้าประมูลด้วยหรือไม่ ซึ่งเขาก็บอกว่าต้องดูก่อน เพราะการประมูลมันต้องใช้เงิน แต่เขาไม่มีเงิน เขาก็ต้องดูว่ารัฐจะช่วยเหลืออะไร มีเงื่อนไขอย่างไร หากเป็นเงื่อนไขที่เขารับได้ก็จะเอาไปคิด แต่ถ้ารับไม่ได้เขาก็อาจจะไม่เข้าประมูล ซึ่งทั้งหมดนี่ คือปัจจัยหรือตัวแปรที่รัฐต้องเอามาคิด ดังนั้นจึงยังไม่มีคำตอบอะไรทั้งสิ้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะใช้ม.44 ตามที่มีการเสนอมา นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่ต้องพูดไปถึงจุดนั้น เพราะอยู่ที่ว่าเงื่อนไขต่างๆคืออะไร เงื่อนไขบางเรื่องอยู่ในอำนาจของ กสทช. เงื่อนไขบางอย่างหากไปถึงจุดนั้นกสทช.อาจทำอะไรให้ไม่ได้ เพราะติดกฎหมาย ก็ต้องแก้กฎหมาย และก็ต้องมาดูอีกว่าหากแก้กฎหมายจะแก้ด้วยวิธีปกติหรือวิธีอื่น จะทำในสมัยรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลหน้า ซึ่งเอาไว้ค่อยพูดกัน แต่เบื้องต้นต้องรู้กันก่อนว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร ต้องคุยกันอีกหลายครั้ง ตนพยายามจะไม่พูดอะไร
เมื่อถามว่าทางบริษัทเอกชน ได้มีการพูดหรือไม่ว่าหากไม่มีการประมูลขึ้นมา การให้บริการ 5G ในบ้านเราอาจจะไม่ทัน นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่เขาพูดอย่างนั้น แต่จริงหรือไม่เดี๋ยวเราต้องไปดูกันอีกทีหนึ่ง แน่นอนเราอยากเดินไปสู่ 5G แต่การจะไปสู่ 5G มันต้องพัฒนาอะไรหลายอย่างรองรับ และการจะพัฒนาอะไรเหล่านั้นมันก็ต้องทำโดยรัฐและเอกชน และที่สำคัญคือต้องใช้เงิน อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะมีความชัดเจนเมื่อไหร่ ยังตอบไม่ได้ ต้องพูดคุยกันอีกหลายครั้ง
