ทษช. แถลงงดเวทีปราศรัย เน้นลงพื้นที่หาเสียง หวั่นมีปัญหาแทรกซ้อน
"แกนนำ ทษช." แถลงยุติการปราศรัยใหญ่หาเสียง-งดกิจกรรมส่วนกลางทั้งหมด ป้องกันปัญหาแทรกซ้อน ส่วนผู้สมัครยังออกไปพบประชาชนได้ตามปกติ
วันนี้ (14 ก.พ. 62) เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมคณะ ได้แถลงภายหลังการประชุม โดยได้กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เหตุการณ์มาถึงขั้นที่จะมีการยุบพรรค เราได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ มา กรณีการเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยความห่วงใยมาตลอด เมื่อเหตุการณ์พัฒนามาถึงขั้นที่ กกต. มีมติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรค และเนื่องจากว่า ข้อหาที่ กกต. ใช้ในการเสนอยุบพรรค เรื่อง "การเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" และเรื่องที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราได้หาหารือกรรมการบริหาร ฟังคำชี้แจงของกรรมการบริหารหลายครั้ง ทราบว่า มีเจตนาดี ดำเนินการด้วยความบริสุทธ์ใจ แต่เมื่อเรื่องนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เราก็เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ ในขั้นตอนต่อไปนี้ เป็นขั้นตอนที่จะว่าไปในศาลรัฐธรรมนูญ และฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ดำเนินการตามสิทธิที่พึงมีตามกฎหมายแล้ว
"การดำเนินการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการที่จะไปปราศรัยต่อคนจำนวนมาก เราจะงดกิจกรรมส่วนที่จะต้องพบกับประชาชนจำนวนมาก ๆ เพื่อให้ทุกอย่างจะได้ไม่มีปัญหาแทรกซ้อน ส่วนผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนยังมีสิทธิเดินทางออกพบปะประชาชน ตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้ามก็ยังทำได้ และเป็นเรื่องดีที่นักการเมืองต้องผูกพันกับประชาชน แต่ว่า การปราศรัยใหญ่ทั้งหลายก็ต้องงด"
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณงค์หาเสียงของพรรค กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ทษช. ลำดับที่ 7 กล่าวว่า ตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ทษช. ใน 100 กว่าเขต ก็ยังเป็นผู้สมัคร และมีพันธะผูกพันกับประชาชนที่จะต้องทำต่อไป แต่ก็การรณงค์หาเสียงในลักษณะที่ต้องยกคณะใหญ่จากส่วนกลางไป เราจะยุติ เพื่อไปติดตามสถานการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยหยุดการเคลื่อนไหวจากส่วนกลางในทุกกิจกรรม
วันนี้ (14 ก.พ. 62) เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) พร้อมคณะ ได้แถลงภายหลังการประชุม โดยได้กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้เหตุการณ์มาถึงขั้นที่จะมีการยุบพรรค เราได้ติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ มา กรณีการเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคด้วยความห่วงใยมาตลอด เมื่อเหตุการณ์พัฒนามาถึงขั้นที่ กกต. มีมติให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรค และเนื่องจากว่า ข้อหาที่ กกต. ใช้ในการเสนอยุบพรรค เรื่อง "การเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย" และเรื่องที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราได้หาหารือกรรมการบริหาร ฟังคำชี้แจงของกรรมการบริหารหลายครั้ง ทราบว่า มีเจตนาดี ดำเนินการด้วยความบริสุทธ์ใจ แต่เมื่อเรื่องนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เราก็เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ ในขั้นตอนต่อไปนี้ เป็นขั้นตอนที่จะว่าไปในศาลรัฐธรรมนูญ และฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ดำเนินการตามสิทธิที่พึงมีตามกฎหมายแล้ว
"การดำเนินการต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการที่จะไปปราศรัยต่อคนจำนวนมาก เราจะงดกิจกรรมส่วนที่จะต้องพบกับประชาชนจำนวนมาก ๆ เพื่อให้ทุกอย่างจะได้ไม่มีปัญหาแทรกซ้อน ส่วนผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนยังมีสิทธิเดินทางออกพบปะประชาชน ตราบใดที่ยังไม่มีข้อห้ามก็ยังทำได้ และเป็นเรื่องดีที่นักการเมืองต้องผูกพันกับประชาชน แต่ว่า การปราศรัยใหญ่ทั้งหลายก็ต้องงด"
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณงค์หาเสียงของพรรค กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ทษช. ลำดับที่ 7 กล่าวว่า ตัวผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ทษช. ใน 100 กว่าเขต ก็ยังเป็นผู้สมัคร และมีพันธะผูกพันกับประชาชนที่จะต้องทำต่อไป แต่ก็การรณงค์หาเสียงในลักษณะที่ต้องยกคณะใหญ่จากส่วนกลางไป เราจะยุติ เพื่อไปติดตามสถานการณ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยหยุดการเคลื่อนไหวจากส่วนกลางในทุกกิจกรรม
