วิกฤติมะกันหนาวสุดขั้ว!! เปิดช่องสินค้าไทยส่งออกเพิ่ม

13 ก.พ. 2562 | 11:16 น.
 

วิกฤติหนาวสุดขั้วในสหรัฐฯ เปิดช่องสินค้าไทยส่งออกไปตลาดมะกันได้เพิ่ม หลังเกิดความกังวลภาวะขาดแคลนอาหารในประเทศ พาณิชย์เปิดโผกลุ่มมีศักยภาพ ทั้งอาหารทะเล  ผัก ผลไม้กระป๋อง ข้าวโพด ถั่วเหลือง ส่วนไก่  กุ้งได้อานิสงส์น้อยจากเสียเปรียบคู่แข่ง

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลพวงของสภาพอากาศที่เลวร้ายในสหรัฐอเมริกาในหลายพื้นที่กำลังประสบกับสภาพอากาศหนาวเย็นอย่างหนักที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวนหนึ่ง และมีรายงานความเสียหายของพื้นที่ทางการเกษตรจำนวนมาก รวมทั้งการคมนาคมขนส่งสินค้าบางส่วนเกิดภาวะชะงักงัน และมีความกังวลว่าอาจเกิดภาวะขาดแคลนอาหารในประเทศในไม่ช้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์คาดว่าผลผลิตด้านการเกษตรของสหรัฐฯ จะลดลง และเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนอาหารในอนาคต คาดว่าสหรัฐฯ อาจมีการนำเข้ามากขึ้น จึงเป็นช่องทางสำหรับผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทย

Vortex4

ผลจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่แม้จะยังไม่มีปัญหาสัตว์ล้มตาย แต่กลับมีต้นทุนสูงในด้านการจัดการเพิ่มขึ้น จากการฉีดพ่นไอร้อน และเสริมอาหารพิเศษที่มีต้นทุนสูงให้กับสัตว์เพื่อใช้คลายความหนาว นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ที่ต้องปิดตัวในหลายพื้นที่ โดยผู้เพาะปลูกคาดการณ์ว่าหากสภาพอากาศเลวร้ายลง หิมะอาจเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งปกคลุม ซึ่งจะทำให้ต้นพืชไม่สามารถอยู่รอดได้

สำหรับสถิติการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรของไทยในปี 2561 มีมูลค่ารวม 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 14.8% ของการส่งออกในภาพรวมของไทย  โดยการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปยังตลาดสหรัฐฯ มีมูลค่า 3,961.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นสินค้าเกษตร 1,451.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ 5 อันดับแรก ได้แก่ ข้าว ยางพารา กุ้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลไม้สด และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรมูลค่า 2,510.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย 5 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ  ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง อาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และเครื่องปรุงรส

Vortex3

ทั้งนี้สินค้าเกษตรที่การส่งออกยังเติบโตได้ดี อาทิ ข้าว เพิ่มขึ้น 38.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพิ่มขึ้น 32.1% และผลไม้สดเพิ่มขึ้น 25.8% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรที่ยังขยายตัวได้ดี อาทิ อาหารสัตว์เพิ่มขึ้น 27.6% ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 8.1% เครื่องปรุงรส เพิ่มขึ้น 8.3%  ผักกระป๋องและผักแปรรูปเพิ่มขึ้น 10% และผลิตภัณฑ์ข้าวเพิ่มขึ้น 18.1% เป็นต้น

“ผลจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ อาจส่งผลให้สินค้าประเภทอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดและแช่แข็ง และอาหารกึ่งสำเร็จรูปมีโอกาสการส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น จากประชาชนมีความต้องการเก็บสะสมอาหารมากขึ้นเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ ส่วนอาหารทะเลกระป๋อง ผักและผลไม้กระป๋อง ก็มีโอกาสในการส่งออกเพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าปศุสัตว์ อย่างไก่สดแช่แข็ง คาดว่าจะไม่ได้รับอานิสงส์เท่าใดนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในสหรัฐฯ มีการเตรียมความพร้อมรับมืออยู่พอสมควร และสหรัฐฯ มีข้อตกลงกับประเทศในแถบอเมริกาใต้ และแอฟริกาในการนำเข้าสินค้าไก่สดแช่แข็งอยู่แล้ว จึงคาดว่าการส่งออกไก่สดจะไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ เช่น เนื้อหมู และเนื้อวัว ไม่ใช่สินค้าส่งออกหลักของไทยไปสหรัฐฯ

แอดฐานฯ

นอกจากสินค้าที่ไทยน่าจะส่งออกได้มากขึ้นคือสินค้าเกษตรที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ เนื่องจากผลผลิตการเกษตร เช่น ข้าวโพด และถั่วเหลือง เป็นสินค้าที่สหรัฐฯ ต้องการส่งออกไปจีนเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบอาหารสัตว์ และล่าสุดจีนตกลงที่จะนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ กว่า 5 ล้านตัน เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งหากสหรัฐฯ ต้องส่งออกไปจีนและหากผลผลิตในประเทศลดลงด้วย ก็ย่อมจะส่งผลต่อปริมาณวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศที่อาจมีไม่เพียงพอ และทำให้ต้องนำเข้ามากขึ้น

สำหรับสินค้าประมงไทยในตลาดสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัวจากการสูญเสียตลาดส่วนหนึ่งให้คู่แข่งจากอเมริกาใต้ โดยเฉพาะสินค้ากุ้งจากเอกวาดอร์ อันมีสาเหตุมาจากต้นทุนสินค้ากุ้งของไทยสูง ก็อาจมีโอกาสส่งออกมากขึ้นในระยะถัดไป ซึ่งหากสภาพอากาศยังเลวร้ายต่อเนื่อง สหรัฐฯ ก็อาจพิจารณานำเข้าสินค้าอาหารเพิ่มขึ้น และจะเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะเข้าไปขยายตลาดในสหรัฐฯ ทั้งในส่วนของสินค้าที่มีการขยายตัวดีอยู่แล้ว และสินค้าที่ก่อนหน้านี้มีภาวะการชะลอตัวของตลาด อันจะส่งผลให้การส่งออกของไทยขยายตัวมากขึ้นในช่วงถัดไป

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว