พาณิชย์สู้ศึกส่งออกขาลง ดึงโมเดิร์นเทรด-ยักษ์ค้าออนไลน์นอก จับคู่ซื้อขาย 500 บริษัทไทยช่วยปั๊มยอด

13 ก.พ. 2562 | 10:15 น.
 

 

พาณิชย์วิ่งสู้ฟัด ดันตัวเลขส่งออกขาลง เปิดเวทีจับคู่เจรจาธุรกิจ เชิญผู้ซื้อ 148 บริษัทจากต่างประเทศ บินเจรจาซื้อขาย 500 บริษัทไทย เล็งยอดสั่งซื้อใน 1 ปี  2,000 ล้านบาท คงเป้าส่งออกปีนี้โต 8%  ติดตามค่าบาทใกล้ชิด หลังกระทบขีดแข่งขันสินค้าเกษตรวูบ

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า แม้การขยายตัวของส่งออกจะมีปัจจัยหลายอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เศรษฐกิจโลก นโยบายเศรษฐกิจและภาวะการเมืองภายในประเทศของประเทศคู่ค้า แต่กรมยังคงมุ่งเดินหน้าทำแผนขยายการส่งออกเชิงรุกซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การแสวงหาช่องทางการเข้าตลาดใหม่ ๆ อาทิ  Modern Trade และ On-Line Platform ที่ถือเป็นช่องทางการเลือกซื้อสินค้าของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมในการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคมในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ในงาน Sourcing Forum ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว

[caption id="attachment_388695" align="aligncenter" width="503"] นางสาวบรรจงจิตต์  อังศุสิงห์                                                  นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์[/caption]

ทั้งนี้กรมได้เน้นเชิญกลุ่มผู้ซื้อ ผู้นำเข้าต่างประเทศรายสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มห้างสรรพสินค้า  ร้านค้าปลีก  เช่น ห้างต้าชาง, Hangzhou Lianhua, 759 Store, Reliance Retail, Future Retail, Anokhi, Makro, Big C และ On-Line Platform อาทิ Alibaba.com, Herma Fresh, PayTM, JD, NYKAA เป็นต้น มาเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยเพื่อเลือกซื้อสินค้าไทยนำไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ตามสาขาของห้างฯ หรือบน On-line Platform ในต่างประเทศต่อไป

“รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจครั้งใหญ่แห่งปี ภายใต้โครงการจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคมาเจรจาการค้าในไทย หรือ Thailand’s Sourcing Forum ครั้งนี้มีกลุ่มสินค้าเป้าหมาย ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร แฟชั่น เกษตรออร์แกนิค สถาบันด้านการศึกษา แฟรนไชส์ร้านอาหาร และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  วัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศไทยและผลักดันให้สินค้าอุปโภคบริโภคของไทยขยายส่วนแบ่งตลาดในอาเซียน เอเชียตะวันออก โอเชียเนีย เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา จำนวนกว่า 148 บริษัทกับผู้ประกอบการไทยประมาณ 500 บริษัท ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้พบปะสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และเจรจาการค้ากับนักธุรกิจเจ้าของกิจการ/ผู้นำเข้า/ผู้จัดจำหน่ายและ online superstore จากประเทศเป้าหมาย”

แอดฐานฯ

คาดจะมีการจับคู่ธุรกิจในครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 600 คู่ เกิดมูลค่าซื้อขายภายในงานมากกว่า 200 ล้านบาท และไม่ต่ำ 2,000 ล้านบาทภายใน 1 ปี โดยผู้ประกอบการไทยจะได้พบปะหารือและสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ซื้อรายสำคัญจากต่างประเทศ ได้เล็งเห็นโอกาสและลู่ทางในการขยายธุรกิจสู่ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ สามารถวางแผนทำการตลาดได้ตรงเป้าหมายและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น

สำหรับสถานการณ์สงครามการค้าที่เกิดขึ้นในขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) ได้ทำการวิเคราะห์ตลาดจีนเป็นรายมณฑล 10 มณฑล ซึ่งยังมีโอกาสให้ไทยเข้าไปเจาะตลาด ส่วนตลาดอินเดียได้เริ่มมีการหารือโดยจะเข้าไปจับมือกับพันธมิตรกับสถาบันการเงิน รวมถึงเจาะกลุ่มตลาดใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนานักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามาโดยให้พาณิชย์จังหวัดคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในแต่ละจังหวัดขึ้นมา 3 รายเพื่อช่วยสร้างเสริมศักยภาพเป็นผู้ส่งออก

“ส่วนสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้นั้น เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลให้มีเสถียรภาพ ซึ่งการที่บาทแข็งค่ามากจะมีผลกระทบต่อการส่งออกไทย ทั้งนี้ค่าเงินที่แข็งค่าในขณะนี้หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ถือว่ายังไปได้ แต่ในปีนี้มีปัจจัยสงครามการค้า และเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว มีผลให้ส่งออกได้รับผลกระทบ สินค้าไทยส่งออกลดลง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะทำให้ความสามารถในการแข่งขันลดลง  แต่ยังยืนยันสินค้าไทยยังมีศักยภาพในตลาดโลก"

595959859