บสย.ตั้งทีมลุยค้ำประกันเอสเอ็มอี-เช่าซื้อ

14 ก.พ. 2562 | 07:23 น.
 

บสย.ลุยตั้งทีมงาน ลงทุนพัฒนาระบบวิเคราะห์สินเชื่อ หนุนบริการลูกค้าเชิงรุก แบ่งเบาภาระสถาบันการเงิน มั่นใจคุณภาพสินเชื่อดีขึ้น ดันยอดคํ้าประกันสินเชื่อแตะ 1.07 แสนล้านบาท เจาะลูกค้าใหม่ 8.5 หมื่นราย พร้อมเดินหน้าคุยบริษัทเช่าซื้อในระบบ เล็งคํ้าประกันซื้อเครื่องจักร

นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ทั้งระบบในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัว 6-7% คิดเป็นยอดคำขอสินเชื่อใหม่ 5-6 แสนล้านบาท ขณะที่มียอดชำระคืน(Re-Payment) 3-3.5 แสนล้านบาท ซึ่งปกติบสย.จะเข้าไปคํ้าประกันสินเชื่อราว 18-20%ของสินเชื่อใหม่หรือคิดเป็นยอดสินเชื่อใหม่ 7-8% ถือว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากในอดีต ที่มียอดสินเชื่อราว 1% ซึ่งใกล้เคียงกับต่างประเทศอย่างญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวันที่มียอดสินเชื่อ 10-11% และหากคิดเป็นจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีจะอยู่ที่ 10-11%ใกล้เคียงกับญี่ปุ่น สะท้อนว่า บสย.ทำได้ค่อนข้างดี เนื่องจากทั้ง 3 ประเทศใช้เครื่องมือการคํ้าประกันเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีเหมือนกับไทย เพราะประชาชนมีหลักประกันไม่พอถึง 99%

[caption id="attachment_388342" align="aligncenter" width="400"] วิเชษฐ วรกุล วิเชษฐ วรกุล[/caption]

สำหรับเป้าหมายในปีนี้ บสย.ได้ลงทุนเม็ดเงินหลักสิบล้านในการพัฒนาระบบและคน เพื่อวางเรื่องการบริหารความเสี่ยงและสร้างเครดิตสกอริ่งที่จะนำมาวิเคราะห์สินเชื่อ จะมีทีมวิเคราะห์สินเชื่อ 6 คน มาช่วยพิจารณาสินเชื่อ โดยลูกค้าสามารถเดินเข้ามาหาบสย.ก่อนจะไปธนาคารพาณิชย์ได้ ซึ่งบสย.จะมีกระบวนการอนุมัติก่อนหรือ Pre-Approve ภายใต้หลักการพิจารณาเงินกู้ 5C เช่น ประวัติการชำระเงิน ความสามารถการชำระ เงินทุน หรือสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) หลักประกัน และเงื่อนไขอื่นๆ เช่น วัตถุประสงค์การใช้เงิน ประเภทวงเงินสินเชื่อ

ทั้งนี้บสย.จะเริ่มทำในกลุ่มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึงสถาบันการเงิน เช่นลูกค้ารายเล็กโดยบสย.จะออกเป็นหนังสือคํ้าประกันให้ลูกค้า เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์กล้าปล่อยสินเชื่อรวมถึงลดภาระงานที่ไปอยู่กับธนาคารพาณิชย์ด้วย ถือเป็นการต่อยอดการเป็นOne Stop Service โดยทำงานเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงจะช่วยให้คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น จากที่มียอดปฏิเสธสินเชื่อราว 1% ของคำขอสินเชื่อคํ้าประกันทั้งหมดที่มาจากธนาคาร ซึ่งปี 2561 ธนาคารทหารไทยและกสิกรไทยยังคงมีลูกค้าเข้ามาขอสินเชื่อคํ้าประกันเป็นอันดับต้นๆ ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) จะเป็นธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ ไทย (ธพว.) และธนาคารออมสิน

สำหรับเป้าหมายการคํ้าประกันสินเชื่อปีนี้อยู่ที่ 1.07 แสนล้านบาท เติบโตราว 10%โดยมาจาก 2 ส่วนคือ ฐานลูกค้าเดิมที่มี 3.7 แสนราย ที่ต้องการวงเงินเพิ่มเติม และลูกค้าใหม่ที่ตั้งเป้าคํ้าประกัน 8.5 หมื่นรายเช่น กลุ่มแท๊กซี่ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มส่งออกใน CLMV รวมถึงจะเน้นเจาะรายเซ็กเมนต์ เช่น กลุ่มสหกรณ์ และลีสซิ่ง-เช่าซื้ออย่าง ลูกค้าซื้อเครื่องจักร ถือเป็นกลุ่มที่สถาบันการเงินยังไม่ค่อยให้ความสำคัญมากนัก

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,444 วันที่  14 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว