"ยามาฮ่า"เล็งเปิดตัวรถใหม่7รุ่น-ดันศูนย์พรีเมียมช็อป
ถือเป็นลูกหม้อของค่ายยามาฮ่าตัวจริงเสียงจริง สำหรับ “พงศธร เอื้อมงคลชัย” ที่ปัจจุบันก้าวเข้ามารับตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ควบกับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ซึ่งภารกิจหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร และเป้าหมายของยามาฮ่าจะอยู่ที่จุดไหน วันนี้ฐานยานยนต์พร้อมนำเสนอ
[caption id="attachment_388238" align="aligncenter" width="335"]
พงศธร เอื้อมงคลชัย[/caption]
เป้าหมายในการบริหารตำแหน่งหน้าที่ใหม่ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะอยู่กับยามาฮ่ามากว่า 23 ปี และ 2 ปีที่แล้วได้รับโอกาสจากสำนักงานใหญ่ให้เข้ารับ ตำแหน่ง General Manager of Global Human Resources Development Division ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยถือเป็นหน่วยงานใหม่ที่เปิดโอกาสให้คนในท้องถิ่นได้ไปแลกเปลี่ยนและเพิ่มศักยภาพ ซึ่งทำให้ได้รับประสบการณ์ด้านต่างๆที่จะนำมาปรับใช้และทำให้ยามาฮ่าในประเทศ ไทยเติบโตแบบยั่งยืน
นโยบายยามาฮ่าปี 62
นโยบายในปีนี้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนได้แก่ แบรนด์,การตลาด และการขาย โดยในส่วนของแบรนด์ จะแสดงให้เห็นถึงวิถีของยามาฮ่า มีการสื่อสารให้เข้าใจ ชัดเจน, มีความแตกต่าง และความผูกพัน ส่วนการตลาด ที่ปัจจุบันมีรถอยู่ใน 3 กลุ่มได้แก่ สปอร์ต ,ออโตเมติก และโมเปด ตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งโดยใช้กลยุทธ์ อาทิ การสร้างภาพลักษณ์ กิจกรรมเพิ่มประสบการณ์ ขยายการรับรู้ในวงกว้าง ขณะที่การขายจะมุ่งเข้าหาทุกจุดขาย, พัฒนาเครือข่ายในพื้นที่ใหม่ๆ, การตลาดออนไลน์ในพื้นที่, บริการหลัง การขาย,บุคลากรต้องพร้อมและกิจกรรมหลังการขาย
แผนด้านผลิตภัณฑ์
ในปีนี้ยามาฮ่าจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น และรถบิ๊กไบค์ 2 รุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปีที่เปิดรถครอบครัวหรือโมเปด ในรุ่น ฟรีโก ที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซียราคา 5.09 หมื่นบาท และอีกรุ่นคือ เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 ที่นำเข้ามาจากเวียดนาม ราคา 6.3 และ 6.35 หมื่นบาท ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ในปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด และได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งแผนงานในอนาคตจะมีการต่อยอดและขยายวงกว้างไปยังรุ่นอื่นๆ
แผนพัฒนาเครือข่าย
ยามาฮ่ามีเครือข่ายร้านค้ารวมกว่า 624 แห่งทั่วประเทศ และจะเพิ่มอีก 20แห่ง ในส่วนของเครือข่ายบิ๊กไบค์ หรือยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ ปัจจุบันมี 14 แห่ง และจะเพิ่มอีก 2 แห่งในปีนี้
นอกจากนั้นแล้วยามาฮ่ามีแผนสร้างศูนย์พรีเมียมช็อป Yamaha Premium shop และ ยามาฮ่าโปรแคร์ เพื่อยกระดับบริการหลังการขาย ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะมีทั้งการฝึกอบรม,เป็นศูนย์แม่แบบให้กับผู้แทนจำหน่ายยามาฮ่า และศูนย์แห่งนี้จะแสดงให้ผู้แทนจำหน่ายของยามาฮ่าได้รู้ว่าการให้บริการก็สามารถทำกำไรได้ โดยในช่วงที่ผ่านมารายได้ที่มาจากการบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 30% ในปี 2559 ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 50%
เบื้องต้นสาขาแรกที่จะเปิดทำการตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ โดยลงทุนกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน และยามาฮ่าตั้งเป้าจะขยายศูนย์ในรูปแบบนี้ 20 แห่ง ภายใน 3 ปี
ยอดขายปี 2562
เป้าหมายยอดขายในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 2.85 แสนคัน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 2.69 แสนคัน แบ่งออกเป็นยอดขายที่มาจากออโต
เมติก 1.73 แสนคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 28%, ครอบครัว (โมเปด) 5.9 หมื่นคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 7% และสปอร์ต 5.3 หมื่นคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 24% ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดรวมในปีนี้จะทำได้ 16.2% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 15.1%
วิเคราะห์ตลาดรถ2 ล้อ
ตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.76 ล้านคันลดลงจากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 1.79 ล้านคัน โดยยอดขายที่ตกลงไปเป็นผลมาจากเศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังชะลอตัว หนี้ครัวเรือน อย่างไรก็ดีตลาดนี้ยังไม่อิ่มตัว และจะมีตลาดใหม่เกิดขึ้นในอนาคตเพื่อการเชื่อมโยงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,444 วันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
[caption id="attachment_388238" align="aligncenter" width="335"]
เป้าหมายในการบริหารตำแหน่งหน้าที่ใหม่ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย เพราะอยู่กับยามาฮ่ามากว่า 23 ปี และ 2 ปีที่แล้วได้รับโอกาสจากสำนักงานใหญ่ให้เข้ารับ ตำแหน่ง General Manager of Global Human Resources Development Division ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยถือเป็นหน่วยงานใหม่ที่เปิดโอกาสให้คนในท้องถิ่นได้ไปแลกเปลี่ยนและเพิ่มศักยภาพ ซึ่งทำให้ได้รับประสบการณ์ด้านต่างๆที่จะนำมาปรับใช้และทำให้ยามาฮ่าในประเทศ ไทยเติบโตแบบยั่งยืน
นโยบายยามาฮ่าปี 62
นโยบายในปีนี้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนได้แก่ แบรนด์,การตลาด และการขาย โดยในส่วนของแบรนด์ จะแสดงให้เห็นถึงวิถีของยามาฮ่า มีการสื่อสารให้เข้าใจ ชัดเจน, มีความแตกต่าง และความผูกพัน ส่วนการตลาด ที่ปัจจุบันมีรถอยู่ใน 3 กลุ่มได้แก่ สปอร์ต ,ออโตเมติก และโมเปด ตั้งเป้าจะเพิ่มส่วนแบ่งโดยใช้กลยุทธ์ อาทิ การสร้างภาพลักษณ์ กิจกรรมเพิ่มประสบการณ์ ขยายการรับรู้ในวงกว้าง ขณะที่การขายจะมุ่งเข้าหาทุกจุดขาย, พัฒนาเครือข่ายในพื้นที่ใหม่ๆ, การตลาดออนไลน์ในพื้นที่, บริการหลัง การขาย,บุคลากรต้องพร้อมและกิจกรรมหลังการขาย
แผนด้านผลิตภัณฑ์
ในปีนี้ยามาฮ่าจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่น และรถบิ๊กไบค์ 2 รุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ต้นปีที่เปิดรถครอบครัวหรือโมเปด ในรุ่น ฟรีโก ที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซียราคา 5.09 หมื่นบาท และอีกรุ่นคือ เอ็กซ์ไซเตอร์ 150 ที่นำเข้ามาจากเวียดนาม ราคา 6.3 และ 6.35 หมื่นบาท ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด ในปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด และได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งแผนงานในอนาคตจะมีการต่อยอดและขยายวงกว้างไปยังรุ่นอื่นๆ
แผนพัฒนาเครือข่าย
ยามาฮ่ามีเครือข่ายร้านค้ารวมกว่า 624 แห่งทั่วประเทศ และจะเพิ่มอีก 20แห่ง ในส่วนของเครือข่ายบิ๊กไบค์ หรือยามาฮ่า ไรเดอร์ส คลับ ปัจจุบันมี 14 แห่ง และจะเพิ่มอีก 2 แห่งในปีนี้
นอกจากนั้นแล้วยามาฮ่ามีแผนสร้างศูนย์พรีเมียมช็อป Yamaha Premium shop และ ยามาฮ่าโปรแคร์ เพื่อยกระดับบริการหลังการขาย ซึ่งศูนย์ดังกล่าวจะมีทั้งการฝึกอบรม,เป็นศูนย์แม่แบบให้กับผู้แทนจำหน่ายยามาฮ่า และศูนย์แห่งนี้จะแสดงให้ผู้แทนจำหน่ายของยามาฮ่าได้รู้ว่าการให้บริการก็สามารถทำกำไรได้ โดยในช่วงที่ผ่านมารายได้ที่มาจากการบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 30% ในปี 2559 ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 50%
เบื้องต้นสาขาแรกที่จะเปิดทำการตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ โดยลงทุนกว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน และยามาฮ่าตั้งเป้าจะขยายศูนย์ในรูปแบบนี้ 20 แห่ง ภายใน 3 ปี
ยอดขายปี 2562
เป้าหมายยอดขายในปีนี้ คาดว่าจะทำได้ 2.85 แสนคัน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 2.69 แสนคัน แบ่งออกเป็นยอดขายที่มาจากออโต
เมติก 1.73 แสนคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 28%, ครอบครัว (โมเปด) 5.9 หมื่นคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 7% และสปอร์ต 5.3 หมื่นคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 24% ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดรวมในปีนี้จะทำได้ 16.2% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 15.1%
วิเคราะห์ตลาดรถ2 ล้อ
ตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.76 ล้านคันลดลงจากปีก่อนหน้าที่ทำได้ 1.79 ล้านคัน โดยยอดขายที่ตกลงไปเป็นผลมาจากเศรษฐกิจในภาพรวมที่ยังชะลอตัว หนี้ครัวเรือน อย่างไรก็ดีตลาดนี้ยังไม่อิ่มตัว และจะมีตลาดใหม่เกิดขึ้นในอนาคตเพื่อการเชื่อมโยงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,444 วันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
