โทษตัดสิทธิชั่วชีวิต 14 กรรมการ ทษช. ยุบพรรคตาม ม.92 (1)

12 ก.พ. 2562 | 12:26 น.
กกต. ส่อชงศาล รธน. ยุบพรรค ตาม ม.92 (1) พ.ร.ป.พรรคการเมือง กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โทษหนักตัดสิทธิ 14 กก.บห. ชั่วชีวิต ชวดดำรงตำแหน่งการเมือง-กรรมการองค์กรอิสระ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีกระแสข่าว กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จากกรณีเสนอแคนดิเดตนายกฯ เข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 แล้ว ทางผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อขอความชัดเจนจากทั้งประธาน กกต. และเลขาธิการ กกต. แต่ไม่มีผู้ใดรับสาย

รวมทั้งมีกระแสข่าวว่า ทางสำนักงาน กกต. ได้มีการประสานไปยังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้รอรับคำร้องดังกล่าวที่จะไปยื่นในช่วงเย็น แต่จนกระทั่งเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าว ว่า เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้โทรศัพท์สอบถามไปยังสำนักงาน กกต. แล้ว ได้รับแจ้งว่า ยังจะไม่มีการยื่นคำร้องอะไรในวันนี้


14 กก.บห.ไทยรักชาติ

ขณะที่ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ชี้แจงผ่านไลน์มายังผู้สื่อข่าว เมื่อเวลา 17.00 น. ว่า "ฝากเรียนทุกท่านที่รออยู่ด้วย ว่า กำลังพิจารณาอยู่ ยังไม่แล้วเสร็จ ถ้าผมหรือเลขาธิการมิได้ให้ข่าว กรุณาอย่าถือว่าเป็นข่าวจริงนะครับ อย่างน้อยที่สุดถ้าการพิจารณาแล้วเสร็จแล้ว จะเรียนให้ทราบ ถ้ามิใช่แถลงข่าวก็เป็นเพรสครับ"

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า คำร้องที่ กกต. จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างสำนักงาน กกต. ยกร่างคำร้องเสนอให้ กกต. พิจารณาเห็นชอบ และ กกต. ทั้ง 7 คน ลงนามก่อนที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ

โดยระบุความผิดว่า การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติเข้าข่ายผิดมาตรา 92 (1) คือ เป็นกรณีกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งกฎหมายมาตราดังกล่าวได้กำหนดฐานความผิดไว้ว่า เมื่อ กกต. มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการ

(1) ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

(2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้น

ซึ่งการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือที่เรียกว่า "ใบดำ" นั้น กฎหมายไม่ได้เขียนระยะเวลาเอาไว้ว่านานเพียงใด ขณะเดียวกันก็ถูกกำหนดเป็นลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่าง ๆ และกรรมการรองค์กรอิสระ ดังนั้น ถ้าหากถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ย่อมหมายความว่า ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือ ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในทางการเมือง หรือ กรรมการองค์กรอิสระ ได้ตลอดไป

สำหรับกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่จะถูกตัดสิทธิมี 14 คน

1.ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ

2.นายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1

3.นางสาวสุณีย์ เหลืองวิจิตร รองหัวหน้าพรรคคนที่ 2

4.นายพฤฒิชัย วิริยะโรจน์ รองหัวหน้าพรรคคนที่ 3

5.นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรคคนที่ 4

6.รศ. ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ กรรมการบริหารพรรค

7.นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย กรรมการบริหารพรรค

8.นายมิตติ ติยะไพรัช เลขาธิการพรรค

9.นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรคคนที่ 1

10.นายวิม รุ่งวัฒนจินดา รองเลขาธิการพรรค

11.นายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ รองเลขาธิการพรรคคนที่ 3

12.นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ

13.นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค

14.นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เหรัญญิกพรรค

แต่ รศ.ดร.รุ่งเรือง พิทยศิริ ได้แจ้ง กกต. ว่า ลาออกจากกรรมการบริหารพรรคก่อนพรรคมีมติเรื่องดังกล่าว

ติดตามฐาน