"ทีเส็บ" ชี้! ธุรกิจไมซ์ไทยปี 62 สดใส เผย ไตรมาสแรกโกยกว่า 4.2 หมื่นล้าน

12 ก.พ. 2562 | 11:54 น.
'ทีเส็บ' สรุปไตรมาสแรกปี 62 มีจำนวนนักเดินทางไมซ์ใน-ต่างประเทศ รวมกว่า 6.65 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 4.25 หมื่นล้าน ระบุ ต่างชาติเข้ามาจัดแสดงสินค้าโตแบบก้าวกระโดด เผย จีนครองแชมป์มาไทยมากที่สุด

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยถึงผลตัวเลขตลาดไมซ์ต่างประเทศในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. - ธ.ค. 2561) ว่า มีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามายังประเทศไทย 241,407 ราย คิดเป็นสัดส่วน 2.48% ของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางมายังประเทศไทยทั้งหมดในไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2562 สร้างรายได้ให้ประเทศไทยรวม 18,031 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ ค่าที่พัก ค่าอาหารและเครื่องดื่ม และค่าซื้อสินค้าและของที่ระลึก

"กลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนนักเดินต่างประเทศขยายตัวอย่างน่าสนใจ คือ การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติ (Exhibitions) ขยายตัว 60.66% อันเป็นผลจากทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ โดยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี และความเชื่อมั่นของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากการเร่งทำการตลาดของหน่วยงานภาครัฐและการดำเนินการกระตุ้นการเดินทางของภาคเอกชน มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ที่เริ่มมีผลเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเอื้อต่อการเดินทางมาประเทศไทยของกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ อาทิ จีน อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น รวมถึงการเปิดเส้นทางการบินจากประเทศในกลุ่มอาเซียนมาไทยมากขึ้น และความสามารถบริหารจัดการของสายการบินและสนามบินที่ส่งผลให้ท่าอากาศยานหลักสามารถรองรับนักเดินทางได้ดีขึ้นด้วย"


t28

จากข้อมูลพบว่า นักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศสูงสุด 5 อันดับ ล้วนเป็นนักเดินทางธุรกิจจากเอเชีย ได้แก่ จีน 85,498 ราย ลาว 29,547 ราย มาเลเซีย 21,352 ราย อินโดนีเซีย 21,051 ราย และญี่ปุ่น 19,205 ราย ซึ่งนักเดินทางไมซ์จากภูมิภาคเอเชียมีความสำคัญ หรือ มีสัดส่วนสูงที่สุดของกิจกรรมไมซ์นานาชาติทุกประเภทที่จัดในประเทศไทย เหตุผลสำคัญ คือ แนวโน้มโลกด้านการเดินทางเป็นการเดินทางระยะสั้นภายในภูมิภาค ประเทศเพื่อนบ้านใช้เวลาเดินทางมาไทยน้อยกว่าประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ และมาตรการของรัฐบาลในการส่งเสริมการขาย อาทิ การยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา เป็นต้น

ด้าน จำนวนการจัดงานไมซ์นานาชาติในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 275 งาน จำแนกเป็น การประชุมสัมมนา (Meetings) 37 งาน การจัดงานอินเซนทิฟ หรือ การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) 153 งาน การประชุมนานาชาติ (Conventions) 16 งาน และการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibitions) 19 งาน โดยการจัดอินเซนทิฟให้กับพนักงานขององค์กรมีจำนวนงานสูงสุดมากกว่าครึ่งหนึ่งของการจัดงานทั้งหมด


แอดฐานฯ

ภาคกลาง เป็นสถานที่สำคัญที่สุดสำหรับการจัดงานไมซ์นานาชาติทุกประเภท โดยมีการจัดงานคิดเป็นสัดส่วน 82.18% โดยเฉพาะที่กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา เพราะมีศูนย์ประชุม โรงแรมสำหรับการประชุม การจัดแสดงสินค้า หรือ นิทรรศการที่มีขนาดใหญ่ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ได้มาตรฐานสากล ซึ่งหลายแห่งได้รับการรับรอง Thailand MICE Venue Standard (TMVS) มีห้องประชุมสัมมนาหลากหลาย รวมถึงความสะดวกด้านการเดินทาง ตลอดจนกิจกรรมในการพักผ่อนภายหลังประชุมเสร็จรองรับ รองลงมาเป็นภาคใต้ ที่มีสัดส่วน 9.09% และภาคเหนือ 6.18%

ด้าน ข้อมูลตลาดไมซ์ในประเทศ มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศเดินทางในไตรมาสแรกจำนวน 6,412,117 ราย ก่อให้เกิดรายได้ 24,494 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีนักเดินทางไมซ์ในประเทศสูงสุดตามลำดับ 5 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และขอนแก่น


T27

นายจิรุตถ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงผลงานเด่นในการส่งเสริมการตลาดและพัฒนาธุรกิจไมซ์ตามนโยบายรัฐบาลในไตรมาสแรก ภายใต้ 3 เป้าหมายยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้

1.การสร้างรายได้ เช่น การสนับสนุนการจัดงานและประมูลสิทธิงานไมซ์ต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย (Event Support/Subsidy and Bidding) ทั้งสิ้นจำนวน 119 งาน โดยสนับสนุนงานเด่น เช่น การประชุมสัมมนาของกลุ่มอินเซนทิฟ ประเทศจีน 2018 Sunhope Thailand Incentive Group นำนักธุรกิจขายตรงของจีนมาร่วมกว่า 10,000 คน การประชุมนานาชาติ BNI Global Convention 2018 ของสมาชิกจากทั่วโลกกว่า 4,000 คน โดยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา งานประชุมนี้จัดขึ้นที่อเมริกา แต่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นประเทศแรก เพราะศักยภาพของประเทศและนักธุรกิจไทย รวมถึงงานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและการประชุมพลังงานเพื่ออนาคตแห่งเอเชีย Future Energy Asia 2018 ที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 8,000 คน


แอดฐานฯ

2.การกระจายรายได้สู่ภูมิภาค เช่น การสนับสนุนการจัดงาน ยกระดับงาน และสร้างงานไมซ์ในประเทศไทย (Event Support/Subsidy and New Event) ทั้งสิ้นจำนวน 9 งาน เช่น การสนับสนุนการจัดประชุมวิชาการสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ครั้งที่ 33 และการประชุมสามัญประจำปี 2561 ของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย จ. ชลบุรี การยกระดับงานเทศกาล "สีสันแห่งดอยตุง" เพื่อกำหนดตำแหน่งยุทธศาสตร์ไมซ์ซิตี้ จ.เชียงราย ในฐานะเมืองแห่งการเรียนรู้ด้านการบริการจัดการเป็นเลิศ ศูนย์รวมโครงการหลวงของภาคเหนือ และการสร้างงานแสดงสินค้าใหม่ งานข้าวหอมมะลิโลก RICE Expo 2018 จ.ร้อยเอ็ด รวมถึงการขยายการส่งเสริมตลาดไมซ์ในประเทศและขยายตลาดในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS/CLMV/SEZ) จำนวน 8 งาน เช่น การจัดประชุมสัมมนาของบริษัทประกัน Prudential ประเทศเวียดนาม และการจัดประชุมสัมมนาของผู้ผลิตสินค้าปุ๋ย Armo Fertilizer ประเทศเมียนมา เป็นต้น

และ 3.การพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยนวัตกรรม เช่น การจัดประชุมมาตรฐานสถานที่จัดงานอาเซียน ครั้งที่ 7 โดยมีผู้แทนจากสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม 7 ประเทศ การจัดสัมมนาด้านข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ MICE Intelligence and Innovation Conference สร้างความรู้ความเข้าใจและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมไมซ์ และการอำนวยความสะดวกการเข้าเมืองของนักเดินทางไมซ์เข้าสู่ประเทศไทยจำนวนถึง 45 งาน (MICE Lane) เป็นต้น

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว