ตลาดรับสร้างบ้านโต ได้แรงหนุนเมกะโปรเจ็กต์รัฐ-เอกชน

16 ก.พ. 2562 | 01:36 น.
กลุ่มบิวท์ มองเศรษฐกิจไทยมีแรงหนุนจากการเลือกตั้ง-เมกะโปรเจ็กต์รัฐ/เอกชน ส่งผลดีต่อธุรกิจรับสร้างบ้านคาดโตขึ้น 5-7% พร้อมเดินหน้ารุกตลาดแบบครบวงจร

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ บริษัทรับสร้างบ้าน ที่ประกอบด้วย บริษัท บิวท์ ทู บิวด์ จำกัด บริษัท บางกอกเฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด และ บริษัท สมอลล์เฮ้าส์บิวเดอร์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนสูง หรืออาจมีความเสี่ยงจากปัจจัยสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน รวมทั้งข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป ว่าจะสามารถเจรจาตกลงกันได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีแรงหนุนจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงผลพวงจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ตลอดจนเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ และการเลือกตั้ง 2562 ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญให้เศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจสืบเนื่องไปอีกหลายปี โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตได้ประมาณ 4-4.5% และมีผลต่อเนื่องไปถึงธุรกิจรับสร้างบ้านที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีที่แล้ว 5-7% เช่นกัน

[caption id="attachment_387797" align="aligncenter" width="503"] สุธี เกตุศิริ สุธี เกตุศิริ[/caption]

ทั้งนี้ยังมองว่าปี 2563-2564 ยังเป็นปีทอง เนื่องจาก ลูกค้ามีกำลังซื้อ โดย 50% มีที่ดินเป็นของตนเอง และต้องการปลูกบ้านในถิ่นฐานเดิม อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มาก จากยอดปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งมีเพียง 5% ส่วนต้นทุนจากปูนซีเมนต์ พบว่าปีที่ผ่านมาขยับ 5% ปีนี้จะยังเพิ่มขึ้น ค่าแรงเพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจขยับตาม บางรุ่นราคาบ้านขยับ 3-5% แต่พบว่าสมอลล์เฮ้าส์ยังขายได้ดี

นายสุธีกล่าวต่อว่า กลุ่ม บิวท์ ทู บิวด์ ยังคงเน้นเรื่องการสร้างมาตรฐานของคุณภาพงานก่อสร้างและบริการในราคาที่คุ้มค่ากับผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยจะมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างในระบบสำเร็จรูป และเทคนิคการก่อสร้างใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การก่อสร้างสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ และประณีต รวมทั้งงานวิจัยและค้นหาวัสดุ สุขภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความคงทน สวยงาม และราคาคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น 2

นอกจากนี้ยังมีแผนผลักดันการตลาดในรูปแบบครบวงจร ทั้งการตลาดแบบ ออฟไลน์ (Offline) และ ออนไลน์ (Online) โดยแบบ ออฟไลน์ จะเน้นจัดกิจกรรมที่เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง

“สร้างบ้าน ต้องเห็นบ้าน” ซึ่งจากการสำรวจความพึงพอใจเป็นประจำทุกปีนั้นพบว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นที่พึงพอใจสำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจสร้างบ้านจนนำไปสู่การตัดสินใจปลูกสร้างบ้านเป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าจะได้รับความรู้ความเข้าใจในขั้นตอนการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปและกระบวนการก่อสร้างแบบใกล้ชิดที่หน้าไซต์งานจริงและโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปจนเกิดความเชื่อมั่นด้วยตนเอง

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการเข้าร่วมออกบูธแสดงสินค้าที่ในปีนี้กลุ่มบริษัท ยังคงวางกลยุทธ์เรื่องการออกบูธไว้ตลอดทั้งปีร่วมกว่า 10 งาน อาทิ งานออกบูธของทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน งานสถาปนิก งานบ้านและสวน รวมไปถึงการมองหาทำเลการออกบูธใหม่ๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ทุกโซน

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,444 วันที่ 14-16 กุมภาพันธ์ 2562

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว