มาตรการเข้มแก้ปัญหาฝุ่นรักษาสิ่งแวดล้อม
วิกฤติฝุ่นละออง PM 2.5 กลายเป็นตัวขับเคลื่อนแผนเร่งด่วนด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี ที่ทำให้ทุกหน่วยงานเริ่มคิดแผนแก้ไขอย่างจริงจัง โดยมีความพยายามแก้ไขปัญหาจากจุดเริ่มต้น ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายราย ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมถึงวิธีการในการดำเนินงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด
เริ่มจากการจัดตั้ง ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC: Research and Innovation for Sustainability Center) ขึ้นมาพัฒนาและวิจัยงาน ที่เป็นประโยชน์อย่างจริงจัง เป็นการทำงานวิจัยด้าน Total Well-being เริ่มจากอาคารยั่งยืน ประหยัดพลังงาน ดีต่อสภาพแวดล้อม ต่อจากนั้นจึงขยายผลไปสู่การทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นๆ ส่วนของ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ก็ร่วมกับพาร์ตเนอร์ คือ มิตซูบิชิ เอสเตทกรุ๊ป นำวิสัยทัศน์ 4 ด้าน มาปรับใช้กับการทำงาน คือ 1. การสร้างสังคมคาร์บอนตํ่า 2. การสร้างสังคมที่มีการนำวัสดุมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการ Reduce, Reuse และ Recycle 3. สร้างสังคมที่มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างดี และ 4. การสร้างความตระหนักรับรู้ถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ด้าน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นอกจากความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท ยังออกมาประกาศมาตรการเข้มระยะยาว เตรียมศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีระบบ “Dust free” ในบ้านเดี่ยว โดยการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ นำองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนา ปรับใช้ในทุกระดับ ตั้งแต่ต้นกระบวนการพัฒนาโครงการ ระหว่างการก่อสร้างโครงการ และการอยู่อาศัย สำหรับแผนมาตรการของแสนสิริ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1. ระยะระหว่างการก่อสร้าง เริ่มต้นทันทีด้วยการเพิ่มความถี่การตรวจสอบ และเช็กคุณภาพเครื่องวัดฝุ่นที่ติดตั้งอยู่แล้วในไซต์ก่อสร้าง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน EIA และใช้ pre-cast เป็นวัสดุหลักกว่า 95% ในการก่อสร้าง ทำให้เกิดฝุ่นละอองน้อย สำหรับโครงการแนวราบ มีการเพิ่มความถี่และคุมเข้ม ทั้งการฉีดพ่นนํ้าบนถนน ล้างถนนในส่วนที่ใช้สำหรับการขนส่งวัสดุก่อสร้าง ล้างล้อรถก่อนออกจากโครงการทุกครั้ง และโครงการแนวสูง ติดตั้งหัวฉีดละอองนํ้าระบบพ่นหมอกในทุกโครงการ โดยเพิ่มความถี่สูงในการพ่นละอองนํ้าทุกชั่วโมงในทุกวัน ชั่วโมงละ 45 นาที และพัก 15 นาที พร้อมทั้งจัด Big Cleaning Day ทำความสะอาดไซต์ก่อสร้างทุกสัปดาห์
2. ระยะการอยู่อาศัย ได้ร่วมมือกับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ติดตั้งหัวฉีดละอองนํ้าระบบพ่นหมอกบนอาคารสูง ครอบคลุมกว่า 57 โครงการรวม 89 อาคาร ลดระยะเวลาทดสอบระบบการทำงานภายในโครงการที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล จากสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที เป็น 2 สัปดาห์ต่อครั้ง และ 3. ระยะพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ในที่อยู่อาศัย โดยเบื้องต้น เริ่มโครงการแนวราบเตรียมพัฒนาเทคโนโลยีระบบ “Dust free” รวมถึงติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน โดยนำร่องที่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ ทวีวัฒนา และ โครงการจรัญ-ปิ่นเกล้า 2
สำหรับแสนสิริ มาตรการที่เพิ่มเติมมาในช่วงนี้ คือการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนด้านฝุ่นละออง แต่ขณะเดียวกัน แผนการดูแลคุมเข้มด้านการก่อสร้างที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็ยังเป็นนโยบายหลัก เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ต้อง
ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
หน้า 22-23 ฉบับที่ 3,444 วันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เริ่มจากการจัดตั้ง ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC: Research and Innovation for Sustainability Center) ขึ้นมาพัฒนาและวิจัยงาน ที่เป็นประโยชน์อย่างจริงจัง เป็นการทำงานวิจัยด้าน Total Well-being เริ่มจากอาคารยั่งยืน ประหยัดพลังงาน ดีต่อสภาพแวดล้อม ต่อจากนั้นจึงขยายผลไปสู่การทำงานร่วมกับฝ่ายอื่นๆ ส่วนของ บริษัทเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ก็ร่วมกับพาร์ตเนอร์ คือ มิตซูบิชิ เอสเตทกรุ๊ป นำวิสัยทัศน์ 4 ด้าน มาปรับใช้กับการทำงาน คือ 1. การสร้างสังคมคาร์บอนตํ่า 2. การสร้างสังคมที่มีการนำวัสดุมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการ Reduce, Reuse และ Recycle 3. สร้างสังคมที่มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างดี และ 4. การสร้างความตระหนักรับรู้ถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ด้าน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นอกจากความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท ยังออกมาประกาศมาตรการเข้มระยะยาว เตรียมศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีระบบ “Dust free” ในบ้านเดี่ยว โดยการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรธุรกิจ นำองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนา ปรับใช้ในทุกระดับ ตั้งแต่ต้นกระบวนการพัฒนาโครงการ ระหว่างการก่อสร้างโครงการ และการอยู่อาศัย สำหรับแผนมาตรการของแสนสิริ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1. ระยะระหว่างการก่อสร้าง เริ่มต้นทันทีด้วยการเพิ่มความถี่การตรวจสอบ และเช็กคุณภาพเครื่องวัดฝุ่นที่ติดตั้งอยู่แล้วในไซต์ก่อสร้าง ให้เป็นไปตามมาตรฐาน EIA และใช้ pre-cast เป็นวัสดุหลักกว่า 95% ในการก่อสร้าง ทำให้เกิดฝุ่นละอองน้อย สำหรับโครงการแนวราบ มีการเพิ่มความถี่และคุมเข้ม ทั้งการฉีดพ่นนํ้าบนถนน ล้างถนนในส่วนที่ใช้สำหรับการขนส่งวัสดุก่อสร้าง ล้างล้อรถก่อนออกจากโครงการทุกครั้ง และโครงการแนวสูง ติดตั้งหัวฉีดละอองนํ้าระบบพ่นหมอกในทุกโครงการ โดยเพิ่มความถี่สูงในการพ่นละอองนํ้าทุกชั่วโมงในทุกวัน ชั่วโมงละ 45 นาที และพัก 15 นาที พร้อมทั้งจัด Big Cleaning Day ทำความสะอาดไซต์ก่อสร้างทุกสัปดาห์
2. ระยะการอยู่อาศัย ได้ร่วมมือกับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ติดตั้งหัวฉีดละอองนํ้าระบบพ่นหมอกบนอาคารสูง ครอบคลุมกว่า 57 โครงการรวม 89 อาคาร ลดระยะเวลาทดสอบระบบการทำงานภายในโครงการที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล จากสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 15-30 นาที เป็น 2 สัปดาห์ต่อครั้ง และ 3. ระยะพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ในที่อยู่อาศัย โดยเบื้องต้น เริ่มโครงการแนวราบเตรียมพัฒนาเทคโนโลยีระบบ “Dust free” รวมถึงติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้าน โดยนำร่องที่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริ ทวีวัฒนา และ โครงการจรัญ-ปิ่นเกล้า 2
สำหรับแสนสิริ มาตรการที่เพิ่มเติมมาในช่วงนี้ คือการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนด้านฝุ่นละออง แต่ขณะเดียวกัน แผนการดูแลคุมเข้มด้านการก่อสร้างที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็ยังเป็นนโยบายหลัก เช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ต้อง
ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อการแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
หน้า 22-23 ฉบับที่ 3,444 วันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
