"ค้าปลีก" ปี 62 น่าห่วง! วอนรัฐออกมาตรการหนุนจริงจัง

11 ก.พ. 2562 | 11:53 น.

Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผย ภาพรวมค้าปลีกปี 62 น่าห่วง ส่อเค้าซึมยาว กำลังซื้อผู้บริโภคตกต่ำอยู่ในภาวะซึม–ทรง-เสี่ยง ชง 8 ข้อเสนอรัฐบาล เร่งออกมาตรการ ทั้งลดภาษีสินค้าแบรนด์หรู จัดใหญ่ "ไทยแลนด์ แบรนด์ เซลล์" เอาใจนักท่องเที่ยว ปรับเพิ่มค่าจ้างผู้สูงอายุ ส่งเสริมการค้าชายแดน

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีความกังวลอย่างยิ่ง ว่า ภาคค้าปลีกอาจจะไม่สามารถรักษาระดับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าหากการเติบโตด้านยอดขายค้าปลีกยังมีทิศทางทรงตัว จากตัวแปรเศรษฐกิจปี 2562 ทั้งความไม่ชัดเจนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน–ราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัว และความไม่แน่นอนของการเมืองหลังการเลือกตั้ง

โดยตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ปี 2562 ทุกสถาบันต่างเห็นตรงกัน ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในแบบชะลอ ทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจน จะส่งผลมายังภาคค้าปลีกทางอ้อม จากการจ้างงานเพิ่มขึ้นและการมีรายได้ในการจับจ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่ การลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาการของ 5 โครงสร้างพื้นฐานหลัก ในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ หากยังคงเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลประกาศไว้ อาจทำให้การลงทุนภาคเอกชนมีความมั่นใจ ทำให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งโครงการต่าง ๆ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศให้ฟื้นตัว โดยเฉพาะเงินที่หมุนเวียนผ่านการจ้างงานและการจัดซื้อจัดจ้าง จะหมุนเวียนลงสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ตาราง3

ตาราง1

มีแต่ซึม-ทรง-เสี่ยง

เช่นเดียวกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว การให้ Visa on Arrival รวมถึงมาตรการ Double Entry Visa อาจจะช่วยเรื่องการท่องเที่ยวได้ส่วนหนึ่ง แต่หากโครงสร้างภาษีนำเข้าและการดำเนินการของร้านค้าปลอดภาษีและอากรยังมีความบิดเบือน การจับจ่ายของนักท่องเที่ยวร้านค้าในเมืองก็ยังคงไม่เกิดผลดีต่อการเติบโต

ขณะที่ สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นรายได้หลักของกลุ่มคนฐานรากกลุ่มใหญ่ของประเทศ จากการคาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรโภคภัณฑ์อาจไม่เพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดโลก ส่วนเสถียรภาพทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ธุรกิจค้าปลีกคงต้องเฝ้าติดตามบรรยากาศโดยภาพรวม ซึ่งจะส่งผลเกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจเดินหน้าการค้าและการลงทุนในปีต่อ ๆ ไป โดยรวมแล้วอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยปีนี้ กลุ่มฐานผู้บริโภคกลางลงล่าง "ซึม" กลุ่มฐานผู้บริโภคกลางขึ้นบน "ทรง" และทั้งภาคค้าปลักยังคงต้อง เสี่ยง" กับความไม่ชัดเจนและความไม่แน่นอน

 

[caption id="attachment_387549" align="aligncenter" width="335"] วรวุฒิ อุ่นใจ 3 วรวุฒิ อุ่นใจ           [/caption]

อั่งเปาช่วยชาติ ไม่ช่วยค้าปลีก

นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมภาคค้าปลีกคงหวังไม่ได้กับ "มาตรการอั่งเปาช่วยชาติ" ที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภค ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีการจับจ่ายกว่าแสนล้าน โดยมีผู้บริโภคเข้าร่วมโครงการกว่า 6 ล้านคน แต่ข้อมูลล่าสุด มีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนเพียงหลักหมื่นคน ทำให้การจับจ่ายเหลือเพียงประมาณหมื่นล้านบาท เมื่อรวมถึงการเลือกตั้งที่จะมีเงินสะพัดราว 5 หมื่นล้านบาท ทำให้ครึ่งปีแรกจะมีเงินสะพัดเพียงประมาณ 6 หมื่นล้าน ซึ่งถือว่าอยู่ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ภาพรวมค้าปลีกครึ่งปีแรก คงจะไม่เห็นการเติบโตภาคค้าปลีกเพิ่มขึ้นแต่อย่างไร


TV

อย่างไรก็ดี การคาดการณ์สถานการณ์ครึ่งปีหลัง พบว่า หากภาครัฐจะเร่งให้มีการประมูลโครงสร้างพื้นฐานให้ได้ภายในไตรมาส 1 ผลจากการลงทุนนี้จะส่งผลต่อการเติบโตแก่ภาคค้าปลีกในปลายไตรมาสที่ 3 ต่อต้นไตรมาสที่ 4 แต่หากไม่เป็นตามระยะเวลาดังกล่าว ครึ่งปีหลังก็คงจะซึมถึงทรุดในบางกลุ่มประเภทธุรกิจ Segment โดยรวมดัชนีค้าปลีกปีนี้ อาจจะทรงตัว หรือ อาจจะต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปี 2018 คาดว่า การเติบโตน่าจะอยู่ราว 3.0-3.1% แต่ซึ่งก็ยังน้อยกว่า GDP ทั้งประเทศ ที่คาดการณ์ว่า น่าจะเติบโตราว 3.5-4.0%


ชง 8 มาตรการอุ้มค้าปลีก

ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวอีกว่า ดังนั้น สมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงขอเสนอแนะต่อภาครัฐบาล โดย 1.รัฐบาลควรให้ความสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมค้าปลีกค้าส่งอย่างจริงจัง เนื่องจากภาคค้าปลีกเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาคการค้าปลีก-ค้าส่งมีสัดส่วน GDP ในด้านการผลิตเป็นที่ 2 รองจากภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ มีการจ้างงานเป็นอันดับ 1 ของการจ้างงานนอกภาคเกษตร ขณะเดียวกัน ภาคการบริโภคค้าปลีก-ค้าส่ง มีสัดส่วนกว่า 55% ของมูลค่าการบริโภคภาคเอกชน

| ดัชนีค้าปลีกจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ปี 2018




ตาราง 4

2.เพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างภาษีที่ถูกบิดเบือน รัฐบาลควรศึกษาและพิจารณาเรื่องการลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์หรูอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องหนัง และนาฬิกาชั้นนำ (Luxury Brand) เพื่อกระตุ้นยอดจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเมืองให้เพิ่มขึ้น

3.สร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคภายในประเทศและผู้บริโภคที่เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศจัดงาน "Thailand Brand Sale" ระยะเวลา 3 เดือน (ช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว หรือ ช่วงเดือน มิ.ย. ถึงเดือน ส.ค.) ลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์หรูในกลุ่มแฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องหนัง และนาฬิกาชั้นนำ (Luxury Brand) เพื่อกระตุ้นยอดจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มขึ้น สร้างบรรยากาศการจับจ่าย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการจับจ่ายผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ให้กลับคืนมา


UNIQLO Store 1

4.ภาครัฐต้องไม่ปิดกั้นผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ให้เข้ามาดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีในสนามบิน และพื้นที่ค้าปลีกนอกสนามบิน เพื่อเปิดแข่งขันเสรีในทุกภาคส่วนในประเทศไทย เพื่อรัฐจะสามารถสร้างรายได้มากขึ้น

5.ปัจจุบัน กลุ่มค้าปลีกมีความต้องการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพนักงานรายชั่วโมง ที่ไม่สามารถจ้างงานได้เพียงพอ ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มที่ขาดรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มบุคคลหลังเกษียณ ที่ไม่มีรายได้ แต่ยังมีภาระเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่สามารถทำงานได้เต็มเวลา 8 ชั่วโมง จึงเหมาะสมที่จะจ้างกลุ่มดังกล่าวนี้เป็นรายชั่วโมง ภาครัฐจะต้องกำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วน ผลักดันให้มีการออกกฎระเบียบประกาศค่าจ้างขั้นต่ำเป็นรายชั่วโมง เพื่อให้สามารถจ้างงานบุคคลกลุ่มดังกล่าวได้ ซึ่งปัจจุบัน กฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้กำหนดให้พนักงานที่ไม่ใช่นักเรียน นักศึกษา หากทำงานเป็นรายชั่วโมงจะต้องมีรายได้ต่อวันเท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งหมายความว่า หากบริษัทฯ จะจ้างพนักงานรายชั่วโมงทำงาน 4 ชม. ก็ต้องจ้าง 300-360 บาท ตามประกาศค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน

6.นโยบายการจ้างงานผู้สูงอายุ ขอให้พิจารณาปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างผู้สูงอายุที่สามารถใช้ลดหย่อนภาษี ทั้งนี้ ปัจจุบัน กำหนดไว้ที่ 15,000 บาท และขอให้พิจารณากรณีค่าจ้างสูงกว่า 15,000 บาท ให้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดที่ 15,000 บาท เพราะปัจจุบัน หากค่าจ้างสูงกว่า 15,000 บาท จะไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เลย และสามารถจ้างงานเป็นรายชั่วโมงตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายชั่วโมง ตามข้อ 5


????????????????????????????????????

7.ภาครัฐต้องสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมค้าปลีก-ค้าส่ง ตลอดจนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจบริการให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาระบบทวิภาคี โดยชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ และอาจให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การลดหย่อนภาษี หรือ สิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกทั้งภาครัฐจะต้องมีมาตรการสนับสนุนการนำคุณวุฒิวิชาชีพมาเป็นมาตรฐานการจ้างงาน โดยเริ่มที่การจ้างงานภาครัฐก่อน

8.รัฐต้องมีมาตรการส่งเสริมการค้าชายแดนอย่างชัดเจน โดยพิจารณาผ่อนผันการเปิดด่านต่าง ๆ การเพิ่มจำนวนด่านและอำนวยความสะดวก รวมทั้งพิจารณาให้มี VAT Refund for Tourist ในกรณีนักท่องเที่ยวเพื่อนบ้านเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยใช้เส้นทางบก

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว