“กรณ์”เปิดตัว‘ปริญญ์-การดี’ร่วมทีมเศรษฐกิจปชป.ชูนโยบายทำได้จริง

09 ก.พ. 2562 | 08:18 น.
“กรณ์”ดึง ‘ปริญญ์-ดร.การดี’ร่วมทีมเศรษฐกิจ ปชป. ชูนโยบายศก.ทำได้จริง เผยปี 53 เคยแก้วิกฤตประเทศจนโลกยอมรับมาแล้ว พร้อมเดินหน้านโยบาย ‘แก้จน สร้างคน สร้างชาติ’

พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ โดยมี นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และประธานนโยบายพรรค เป็นหัวหน้าทีม ร่วมด้วยในส่วนของพรรค ประกอบด้วย นายสรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัคร ส.ส. กทม.

ในส่วนของภาคเอกชน 2 คน ที่เปิดตัวบนเวทีปราศรัยพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คือ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ นักธุรกิจชื่อดังที่เชี่ยวชาญด้านตลาดหลักทรัพย์  และยังคร่ำหวอดในวงการสตาร์ทอัพแถวหน้าของเมืองไทย และ ดร.การดี เลียวไพโรจน์ นักธุรกิจ นักวิชาการ ที่ปรึกษาด้านเอสเอ็มอี โดยมีแนวทางการทำงานที่ตรงกันตามนโยบายพรรคคือ แก้จน สร้างคน สร้างชาติ

กรณ์1

นายกรณ์ กล่าวว่า สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2553 ดัชนีหุ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จนทั่วโลกให้การยอมรับ เพราะความเป็นมืออาชีพของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีระบบการทำงานในระบอบประชาธิปไตย มีผู้แทนกระจายทั่วประเทศ คอยรับฟังพี่น้องประชาชน นำข้อมูลเสนอต่อฝ่ายบริหารเพื่อทำนโยบายตอบโจทย์ประชาชน

ทั้งในส่วนของการประกันรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร ออกโฉนดชุมชนเพื่อให้ประชาชนมีที่ทำกิน มีความมั่นคงในการเข้าถึงที่ทำกินของตัวเอง โอนหนี้นอกระบบเข้าสู่ระบบธนาคารของรัฐ เพิ่มกำลังซื้อ เพื่อแก้วิกฤติเศรษฐกิจในขณะนั้น เราสามารถช่วยประชาชนได้ถึงครึ่งล้านคน

นอกจากนี้ยังผลักดันนโยบายไทยเข้มแข็ง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการใช้งบประมาณกระจายไปทั้งประเทศอย่างเท่าเทียม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน จำเป็นต้องใช้นวัตกรรมการใช้งบประมาณอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างเร่งด่วน

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการทำหน้าที่ประธานนโยบายร่วมกับ ส.ส.ในพื้นที่ เก็บข้อมูลตรงจากความเดือดร้อนของประชาชน รวมทั้งทำงานกับภาคเอกชนมาตลอด 5 ปี วันนี้บอกได้เลยว่า เราไม่จำเป็นต้องพึ่งบุญเก่าเมื่อ 30 ปี ก่อน เนื่องจากเรามีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง เราพบก๊าซในอ่าวไทย เรามีแรงงานมีฝีมือ มีที่ดินรองรับภาคอุตสาหกรรม และมีนโยบายความมั่นคงทางการเมือง ความท้าทายตอนนี้คือ ทรัพยากรธรรมชาติลดลง สังคมสูงอายุ ปัญหามลพิษต่าง ๆ ทำให้การพัฒนาแบบเดิม ๆ ใช้ไม่ได้

นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองและความขัดแย้งทางนโยบายทำให้เราไม่ไปข้างหน้า หัวใจสำคัญคือเราต้องกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การยกเครื่องภาครัฐด้านเทคโนโลยีเพื่อให้เท่าทันยุคดิจิทัล พรรคประชาธิปัตย์เดินสายทำงาน เพื่อถอดบทเรียนจากประเทศต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้กับประชาชนไทย จนมาเป็นนโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ

กรณ์2

ด้านนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า ได้แบ่งบริบทของสังคมไทยที่เป็นปัญหา ออกเป็น ก. ข. และ ค. โดย ก. คือกฎหมาย อย่าคิดว่าการมีข้อกฎหมายเยอะแล้วจะดี จะนำมาซึ่งความยุติธรรม ตรงกันข้ามอาจจะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและการคอร์รัปชัน ยิ่งถ้าคนในสังคมมีปัญหากับการบังคับใช้กฎหมาย ก็จะนำไปสู่ ข. คือ ไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่ เกิดปัญหารวยกระจุก จนกระจาย  ฝนตกไม่ทั่วฟ้า คนในต่างจังหวัดไม่สามารถแชร์ผลกำไรกับนายทุน ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ไม่สามารถติดอาวุธในยุคดิจิทัล ต้องปรับมายด์เซ็ทและวิธีการทำงานเพื่อต่อยอดรายได้

ส่วน ค. คือความคิด คือต้องสร้างคนซึ่งต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งอย่างจะต้องเสร็จวันนี้พรุ่งนี้ ซึ่งภาคเอกชนสนใจและดีใจที่พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายที่จะสร้างคน

ด้าน ดร.การดี เลียวไพโรจน์ เปิดใจเป็นครั้งแรก ว่า ที่เลือกพรรคประธิปัตย์ ทั้งที่ตัวเองก็ได้รับการติดต่อมาจากหลายพรรค ด้วยผลประโยชน์ที่จะทำให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย ซึ่งตัวเองไม่เสียใจที่ปฏิเสธโอกาสนั้น และเลือกที่จะใช้ความสามารถของตัวเองทำงานเพื่อประเทศชาติ เพราะมองว่าความจำเป็นเรื่องเศรษฐกิจไม่ได้จบอยู่แค่ปากท้องตรงหน้า หรือเงินเดือนขั้นต่ำที่ได้เท่านั้น

ประเทศไทยเคยมีผู้นำที่เข้าไปมีบทบาทในประชาคมนานาชาติ เราอยากเห็นความภูมิใจแบบนั้นอีกครั้ง วันนี้เราจะดูแค่จีดีพีประเทศอย่างเดียวไม่พอ เพราะเราคือส่วนหนึ่งของประชาคมโลก เราต้องดูเพื่อนบ้านด้วย การจะเล่นบนโลกที่มีพาวเวอร์เพลย์มากมายไม่ว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ในประเทศต่าง ๆ เราต้องตั้งหลักให้ถูก เราต้องเลือกพรรคที่มีความภาคภูมิใจในเวทีโลก ต้องเลือกผู้นำที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งวันนี้ในฐานะที่มองจากภาคเอกชน ไม่มีใครเหมาะสมเท่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว