ต่างชาติรุม "บอนด์ไทย" !! 'กสิกรไทย' ชี้ทะลุ 1 ล้านล้าน

11 ก.พ. 2562 | 12:06 น.
'กสิกรไทย' มองต่างชาติยังแห่ลงทุนตราสารหนี้ไทยทะลุ 1 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งหวังเก็งกำไรค่าเงิน แนวโน้มบาทแข็ง เหตุดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ คาดไตรมาสแรกแตะ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ พร้อมตั้งเป้าผู้นำตลาดออกหุ้นกู้เอกชน 1.74 แสนล้านบาท มาร์เก็ตแชร์มากกว่า 20%

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ไทยปีนี้ มีโอกาสทะลุ 1 ล้านล้านบาท จากปี 2561 ที่นักลงทุนต่างชาติถือพันธบัตรสะสม 9.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 10% เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปี 2560 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังมองไทยเป็นหลุมหลบภัย (Safe Haven) แม้จะน้อยลงจากปีก่อน แต่แนวโน้มเงินบาทมีทิศทางแข็งค่าจากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล ทำให้บางส่วนหวังเก็งกำไรค่าเงินมากกว่าเก็งกำไร เพื่อหาผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ย

 

[caption id="attachment_386476" align="aligncenter" width="503"] ธิติ ตันติกุลานันท์ ธิติ ตันติกุลานันท์[/caption]

ทั้งนี้ จากตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในปี 2561 เช่น อินเดียดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 2%, อินโดนีเซีย 2.8%, ฟิลิปปินส์ 1.6% และจีน 0.3% และประเทศที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล เช่น เกาหลี 4.6%, มาเลเซีย 2.4%, เวียดนาม 2.2% และไต้หวันสูงถึง 12.8% ส่วนไทยเกินดุลอยู่ที่ 7.4% หรือคิดเป็นมูลค่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยดุลการค้าและบริการลดลง 30% ส่วนหนึ่งมาจากตัวเลขการนำเข้าขยายตัวสูง 14% เทียบการส่งออกขยายตัวเพียง 7%


บาร์ไลน์ฐาน

จากทิศทางดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ยังคงสูง คาดว่าจะยังคงเห็นเงินทุนไหลเข้า โดยปี 2561 มีเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรสุทธิ 1.38 แสนล้านบาท ทำให้แนวโน้มเงินบาทไตรมาส 1 ยังคงแข็งค่า แต่ไม่หลุดกรอบ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอยู่ที่ 31.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และไตรมาส 2 และ 3 เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง เนื่องจากอยู่ในช่วงจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะมีเงินไหลออก ดังนั้น หากไม่มีปัจจัยเปลี่ยนแปลงจะเห็นทิศทางค่าเงินอยู่ในภาพนี้ โดยทั้งปีให้กรอบเงินบาทอยู่ที่ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

สำหรับภาพรวมธุรกิจตราสารหนี้ปี 2562 ธนาคารยังคงเป็นผู้นำทั้งทางด้านการค้าตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนในตลาดรองและด้านการออกและการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ (Corporate Bond and SOE Underwriting) ด้วยส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ไม่ตํ่ากว่า 20% คิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ 1.74 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2561 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 1.73 แสนล้านบาท คิดเป็นมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 22.53% เป็นอันดับ 1 ของตลาด โดยเซ็กเตอร์ที่จะครบกำหนดและออกใหม่ จะเป็นเซ็กเตอร์พร็อพเพอร์ตี้ อาหารและเครื่องดื่ม

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,443 วันที่  10 - 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ติดตามฐาน