'สมคิด' สั่งทูตพาณิชย์ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อนักลงทุนทั่วโลก

08 ก.พ. 2562 | 07:54 น.
'สมคิด' สั่งทูตพาณิชย์ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อนักลงทุนทั่วโลก พร้อมมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดเป็นแกนหลักในการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ปลุก Local Economy ชี้! ปีนี้ไทยมีแต่เรื่องดี ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น และรัฐบาลมีหน้าที่ประคองประเทศให้เปลี่ยนผ่านราบรื่น

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ได้เดินทางมาที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกำชับว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญของประเทศท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน รัฐบาลมีหน้าที่ประคับประคองประเทศให้เปลี่ยนผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งการที่นักลงทุนจะเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของไทยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่า เราจะส่งสัญญาณไปอย่างไร โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านการส่งออกและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือ Local Economy จึงต้องเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ในการรักษาส่วนแบ่งในตลาดโลกให้ได้ โดยจะยังคงไว้เป้าหมายการเติบโตของการส่งออกไว้ที่ 8% จะไม่มีการปรับลดเป้าหมายลง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีปัญหา


23238

"ขอให้กระทรวงพาณิชย์สั่งการไปยังทูตพาณิชย์ให้ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อนักลงทุนทั่วโลก ว่า ปีนี้ประเทศไทยมีแต่เรื่องดี ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นถึง 3 เรื่อง ทั้งพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก อีกทั้งก็กำลังจะมีการเลือกตั้ง และยังประจวบเหมาะกับการที่ไทยเป็นประธานอาเซียนด้วย ส่วนทิศทางการบริหารประเทศในอนาคตนั้น ขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นผู้ตัดสิน อย่างน้อยไทยก็กำลังกลับเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยแล้ว ก็ขอให้ทุกคนฝ่ายมีความมั่นใจ ส่วนการดูแลเศรษฐกิจฐานรากนั้น พาณิชย์จังหวัดก็ต้องระดมและผลักดันกิจกรรมเพื่อสร้างรายได้ช่องทางการค้าให้กับชุมชน จัดหาสินค้าราคาถูกเข้าช่องทางธงฟ้าประชารัฐ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ปุ๋ย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์หารือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการหาปุ๋ยราคาถูกเข้าจำหน่ายให้ถึงมือเกษตรกร ก็เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาจะยังให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องของประชาชน ผลักดันการส่งออก และสานต่อนโยบาย EEC"

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นสมาชิกในความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive for Trans-Pacific Partnership หรือ CPTPP) โดยยืนยันว่า จะเดินหน้าเข้าร่วมเป็นสมาชิกให้ได้ โดยให้หน่วยงานที่ดูแลแสดงเจตจำนงค์และศึกษาขั้นตอนขบวนการเข้าเป็นสมาชิก พร้อมทั้งเดินหน้าหารือกับประเทศสมาชิกด้วย ภายหลังจากประเทศสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู เม็กซิโก ญี่ปุ่น บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม ได้ลงนามและให้สัตยาบันเพื่อให้ความตกลง CPTPP และมีผลบังคับใช้ต้นปี 2562 อีกทั้งได้ประชุมหารือไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2562 และประกาศให้กับประเทศที่สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งประเทศไทยมองว่า หากไม่เข้าร่วมก็อาจจะเสียประโยชน์ในการค้า การส่งออก ลงทุนในหลายด้านได้ ขณะที่ การเดินหน้าความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซป (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ก็ให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเดินหน้าเจรจาเชื่อมโยงกับประเทศสำคัญ เช่น ญี่ปุ่น จีน โดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศสำคัญในการผลักดันให้เกิดขึ้น


23240

"ตนมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นสมาชิกในความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive for Trans-Pacific Partnership หรือ CPTPP) โดยยืนยันว่า จะเดินหน้าเข้าร่วมเป็นสมาชิกให้ได้"

ส่วนการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคการเมืองนั้น เชื่อว่า ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าไปตามระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน รัฐบาลมีหน้าที่ประคับประคองในช่วงเปลี่ยนผ่าน สร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีเรื่องที่สำคัญ สามารถเรียกความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศได้

ด้าน นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าของขั้นตอนการเตรียมเข้าร่วมการเป็นสมาชิกความตกลง CPTPP หลังจากที่มีการประชุมนัดแรกที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่19 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในข้อตกลงของที่ประชุม พร้อมที่จะเปิดรับสมาชิกใหม่ ซึ่งหากประเทศไทยต้องการที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกจะต้องทำหนังสือไปยังนิวซีแลนด์ในฐานะที่เป็นเลขาธิการ CPTPP ซึ่งไทยเองแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมตั้งแต่แรก ซึ่งขณะอยู่ระหว่างการดำเนินตามขั้นตอน เพราะกระทรวงพาณิชย์มีคณะทำงานที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะมีการเชิญประชุมเพื่อแจ้งสถานะและกำหนดทิศทาง ก่อนจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบและพิจารณาต่อไป น่าจะมันในช่วงเดือน มี.ค. นี้

ส่วนประเด็นปุ๋ย สัปดาห์หน้าคาดว่า จะเชิญ 4 สมาคมที่เกี่ยวข้อง มาหารือในการจำหน่ายปุ๋ยราคาถูก เบื้องต้น ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ในการลดราคาจำหน่ายปุ๋ยให้กับเกษตรกร สำหรับช่องทางการจำจัดหน่าย เช่น ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าทั่วไป ซึ่งก็จะพิจารณาร้านค้าที่เหมาะสม เป้าหมายกระจายให้ถึงมือเกษตรกร ส่วนปุ๋ยสั่งตัดก็พร้อมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการผลักดันจำหน่ายในราคาถูกต่อไป ซึ่งกรมการค้าภายในก็พร้อมรับมอบนโยบายเพื่อดำเนินการต่อไป

ติดตามฐาน