มธ.แนะเจาะกลุ่มสูงวัย “ข้าราชการบำนาญ”กำลังซื้อสูง
มธ. ชี้ตลาดสินค้า-บริการผู้สูงวัยขุมทรัพย์ใหญ่ ส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แนะเจาะให้ตรงกลุ่มที่มีศักยภาพ กำลังซื้อสูง คือ กลุ่มข้าราชการบำนาญ ตามด้วยกลุ่มคนทำงานในระบบประกันสังคม
ผศ.ดร. ศุภชัย ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในหัวข้อ "ส่องโอกาสและธุรกิจ Silver Age " ภายในงานสัมมนา “Road to Silver Age เจาะขุมทรัพย์หมื่นล้าน” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า ต้องยอมรับว่าในเชิงโครงสร้างระยะยาวของประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งมองว่าการรับมือกับการเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัยประกอบไปด้วยระยะสั้น และระยะยาว โดยในส่วนของการรับมือในระยะสั้นคือการทำอย่างไรให้ผู้สูงวัยสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลทางไลน์ หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ
"กลุ่มผู้สูงวัยมีความต้องการ 3 ด้าน คือ มีสุขภาพดี มีเงินใช้ และมีคนรับฟังและเคารพ ที่จะเกิดขึ้น จนกลายเป็นอินโนเวชั่นและแพลตฟอร์มใหม่ๆในการเข้ารุกตลาดในการดำเนินธุรกิจเพื่อเจาะกลุ่มดังกล่าว"
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงวัยถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงวัยในโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เทียบเท่ากับสิงคโปร์และเวียดนาม
ขณะที่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเช่นกัน นั่นเองแสดงถึงโอกาสทางธุรกิจที่มีอยู่จำนวนมากในท้องตลาดในอนาคตข้างหน้า ซึ่งถ้าหากผู้ประกอบการไม่สร้างธุรกิจหรือมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆรองรับ ก็จะเป็นเรื่องที่ยากในการแข่งขัน
"การรับมือกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในภาคธุรกิจมองว่า การดึงการท่องเที่ยวและภาคบริการ รวมไปถึงการรองรับการบริโภคในประเทศเข้ามาเสริมคือสิ่งสำคัญในการสร้างโอกาส"
สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มข้าราชการบำนาญ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มพรีเมี่ยม มีกำลังซื้อสม่ำเสมอ มีสวัสดิการด้านสุขภาพทั้งครอบครัว ที่จะสามารถจับจ่ายได้ 2.กลุ่มคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่พอมีกำลังจับจ่ายอยู่บ้าง และ 3.กลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีความคุ้มครองทางสังคมน้อย ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการจำดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นสำคัญว่าต้องการเจาะกลุ่มไหนเป็นหลัก ต้องการเน้นจำนวนหรือคุณภาพก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดบทบาทของภาครัฐนั้นมีความจำเป็นต่อสังคมผู้สูงวัยเป็นอย่างมาก โดยองค์กรภาครัฐจำเป็นต้องมีการปรับตัว เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโครงสร้างการบริการและแพลตฟอร์มต่างๆได้ง่ายขึ้น ในการหาข้อมูลและใช้สิทธิประโยชน์ เพื่อลดต้นทุนภาคธุรกิจและให้การบริการมีราคาถูกลง
"กลุ่มผู้สูงวัยมีความต้องการ 3 ด้าน คือ มีสุขภาพดี มีเงินใช้ และมีคนรับฟังและเคารพ ที่จะเกิดขึ้น จนกลายเป็นอินโนเวชั่นและแพลตฟอร์มใหม่ๆในการเข้ารุกตลาดในการดำเนินธุรกิจเพื่อเจาะกลุ่มดังกล่าว"
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงวัยถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เนื่องจากจำนวนประชากรผู้สูงวัยในโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัย เทียบเท่ากับสิงคโปร์และเวียดนาม
ขณะที่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเช่นกัน นั่นเองแสดงถึงโอกาสทางธุรกิจที่มีอยู่จำนวนมากในท้องตลาดในอนาคตข้างหน้า ซึ่งถ้าหากผู้ประกอบการไม่สร้างธุรกิจหรือมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆรองรับ ก็จะเป็นเรื่องที่ยากในการแข่งขัน
"การรับมือกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในภาคธุรกิจมองว่า การดึงการท่องเที่ยวและภาคบริการ รวมไปถึงการรองรับการบริโภคในประเทศเข้ามาเสริมคือสิ่งสำคัญในการสร้างโอกาส"
สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มข้าราชการบำนาญ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มพรีเมี่ยม มีกำลังซื้อสม่ำเสมอ มีสวัสดิการด้านสุขภาพทั้งครอบครัว ที่จะสามารถจับจ่ายได้ 2.กลุ่มคนที่อยู่ในระบบประกันสังคม กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่พอมีกำลังจับจ่ายอยู่บ้าง และ 3.กลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีความคุ้มครองทางสังคมน้อย ทั้งนี้การที่ผู้ประกอบการจำดำเนินธุรกิจจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นสำคัญว่าต้องการเจาะกลุ่มไหนเป็นหลัก ต้องการเน้นจำนวนหรือคุณภาพก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดบทบาทของภาครัฐนั้นมีความจำเป็นต่อสังคมผู้สูงวัยเป็นอย่างมาก โดยองค์กรภาครัฐจำเป็นต้องมีการปรับตัว เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโครงสร้างการบริการและแพลตฟอร์มต่างๆได้ง่ายขึ้น ในการหาข้อมูลและใช้สิทธิประโยชน์ เพื่อลดต้นทุนภาคธุรกิจและให้การบริการมีราคาถูกลง
