วิกฤติ "ฝุ่น" คลุ้งเมือง! "ตลาดเครื่องฟอกฯ" ยอดขายพุ่ง
วิกฤติฝุ่นพิษ PM 2.5 คลุ้งเมือง ส่งผลเครื่องฟอกอากาศเมืองไทยขาดตลาด ... 'แอลจี' เร่งปูพรมเสริมทัพรับดีมานด์ตลาดพุ่ง เพิ่มกำลังการผลิต นำเข้าทั้งทางอากาศ-เรือ หวังโกยยอดขายเพิ่มเท่าตัว ก่อนปูแผนไลน์อัพใหม่ เจาะตลาดเมืองไทยตั้งแต่กลางยันพรีเมียม
นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)ฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนด์ 'แอลจี' เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนมีกระแสตื่นตัวในเรื่องของปัญหาสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ปกคลุมในเขตกรุงเทพฯ ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมองหาและให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศมากขึ้น จนพบว่า ตลอดช่วงเดือน ม.ค. หรือในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศนั้นขาดตลาดจำนวนมาก ทั้งในส่วนของแอลจีและแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทได้มีการปรับแผนรองรับด้วยการสั่งสินค้านำเข้าเพิ่มมากขึ้น การเร่งผลิตสินค้าเร็วขึ้น พร้อมทั้งมีการส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศเข้ามาในประไทย เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนให้เพียงพอ โดยเบื้องต้น สินค้าเครื่องฟอกอากาศของแอลจีจะมีเข้ามาทุกสัปดาห์
ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับภาพรวมความต้องการของตลาดในระยะยาว บริษัทได้มีแผนในการนำเข้าไลน์อัพเครื่องปรับอากาศกลุ่มใหม่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเพิ่มเติม เพื่อรองรับเทรนด์การดูแลสุขภาพและปัญหาฝุ่นละอองที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ เบื้องต้น อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทแม่ที่ประเทศเกาหลี เนื่องจากต้องพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดเมืองไทยด้วย โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถนำเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไฮซีซันของปีหน้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ตั้งแต่เครื่องฟอกอากาศที่จะใช้รุกตลาดตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงตลาดพรีเมียม
"ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทางแอลจีได้มีการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ในรุ่น LG PuriCare ที่มีคุณสมบัติในการฟอกฝุ่นละอองได้ถึง PM 1.0 หรือ มีขนาดเล็กกว่า PM 2.5 ถึง 2.5 เท่า เพื่อรองรับความต้องการ โดยเน้นเจาะตลาดพรีเมียมที่เป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก เนื่องจากมองว่า ปัญหาเรื่องฝุ่นในบ้านเราเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา"
สำหรับแผนการสร้างตลาดของสินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศของบริษัท จะเน้นการทำตลาดควบคู่ไปกับกลุ่มเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากสินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศกับเครื่องปรับอากาศของแอลจีมีจุดเด่นคล้ายคลึงกัน คือ สามารถฟอกฝุ่นละอองได้ถึง PM 1.0 อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า จากเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพบวกกับวิกฤติฝุ่นละอองในเมืองไทยที่เพิ่มสูงขึ้น คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้แนวโน้มตลาดเครื่องฟอกอากาศมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยในส่วนของแอลจีเอง วางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา โดยการเติบโตในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศของบริษัทส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาฝุ่นละอองในปัจจุบันด้วย
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,443 ระหว่างวันที่ 10 - 13 กุมภาพันธ์ 2562
นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย)ฯ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า แบรนด์ 'แอลจี' เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประชาชนมีกระแสตื่นตัวในเรื่องของปัญหาสุขภาพที่เกิดจากฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ปกคลุมในเขตกรุงเทพฯ ส่งผลให้ประชาชนเริ่มมองหาและให้ความสำคัญกับสินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศมากขึ้น จนพบว่า ตลอดช่วงเดือน ม.ค. หรือในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา สินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศนั้นขาดตลาดจำนวนมาก ทั้งในส่วนของแอลจีและแบรนด์อื่น ๆ ซึ่งบริษัทได้มีการปรับแผนรองรับด้วยการสั่งสินค้านำเข้าเพิ่มมากขึ้น การเร่งผลิตสินค้าเร็วขึ้น พร้อมทั้งมีการส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศเข้ามาในประไทย เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนให้เพียงพอ โดยเบื้องต้น สินค้าเครื่องฟอกอากาศของแอลจีจะมีเข้ามาทุกสัปดาห์
ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับภาพรวมความต้องการของตลาดในระยะยาว บริษัทได้มีแผนในการนำเข้าไลน์อัพเครื่องปรับอากาศกลุ่มใหม่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเพิ่มเติม เพื่อรองรับเทรนด์การดูแลสุขภาพและปัญหาฝุ่นละอองที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ เบื้องต้น อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทแม่ที่ประเทศเกาหลี เนื่องจากต้องพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดเมืองไทยด้วย โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถนำเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการได้ในช่วงไฮซีซันของปีหน้า ซึ่งมีความเป็นไปได้ตั้งแต่เครื่องฟอกอากาศที่จะใช้รุกตลาดตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงตลาดพรีเมียม
"ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ทางแอลจีได้มีการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเป็นครั้งแรก ในรุ่น LG PuriCare ที่มีคุณสมบัติในการฟอกฝุ่นละอองได้ถึง PM 1.0 หรือ มีขนาดเล็กกว่า PM 2.5 ถึง 2.5 เท่า เพื่อรองรับความต้องการ โดยเน้นเจาะตลาดพรีเมียมที่เป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก เนื่องจากมองว่า ปัญหาเรื่องฝุ่นในบ้านเราเริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา"
สำหรับแผนการสร้างตลาดของสินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศของบริษัท จะเน้นการทำตลาดควบคู่ไปกับกลุ่มเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากสินค้าในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศกับเครื่องปรับอากาศของแอลจีมีจุดเด่นคล้ายคลึงกัน คือ สามารถฟอกฝุ่นละอองได้ถึง PM 1.0 อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า จากเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพบวกกับวิกฤติฝุ่นละอองในเมืองไทยที่เพิ่มสูงขึ้น คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้แนวโน้มตลาดเครื่องฟอกอากาศมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยในส่วนของแอลจีเอง วางเป้าหมายการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา โดยการเติบโตในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศของบริษัทส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาฝุ่นละอองในปัจจุบันด้วย
หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,443 ระหว่างวันที่ 10 - 13 กุมภาพันธ์ 2562
