คมนาคมชง ครม. เริ่มปี 63 จัดซื้อรถไฟฟ้าจากผู้ผลิต/ลงทุนในไทยเท่านั้น

05 ก.พ. 2562 | 11:34 น.
กระทรวงคมนาคมกำหนดแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง หลัง 'สมคิด' สั่งพัฒนาอุตฯผลิตตัวรถไฟในประเทศ ชูลดต้นทุนไมต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ชง ครม. ภายใน 2 เดือน เริ่มปี 63 กำหนดเงื่อนไขทีโออาร์ทางคู่-รถไฟฟ้า-ไฮสปีด ต้องใช้วัสดุ+ผลิตในประเทศ

4D4B307F-239D-41C5-B9AC-B49C13B8A1B4
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ซึ่งมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน ได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อความยั่งยืนในระบบรางของประเทศ

ดังนั้น จึงได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อสรุปแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาข้อมูลและผลการศึกษาแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในประเทศไทย ความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ พ.ศ. 2542


804070AF-73FC-4A5F-8E3F-44CF05264F74

เบื้องต้นนั้น ตั้งเป้าหมายว่า จะเสนอแผนแม่บทและเงื่อนไขเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในรัฐบาลชุดนี้ หรือภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้ ก่อนที่จะสรุปผลการเลือกตั้ง สำหรับแผนแม่บทดังกล่าวนั้นจะบังคับใช้ครอบคลุมโครงการรถไฟฟ้าในเมือง โครงการรถไฟฟ้าทางคู่ และโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง รวมถึงโครงการระบบรางทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ

โดยแบ่งเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย 1.ภายในปี 2563 การจัดซื้อจัดจ้างและเปิดประมูลโครงการระบบรางทั้งหมดจะกำหนดให้มีการซื้อตู้รถไฟและตู้รถไฟฟ้าจากผู้ผลิตภายในประเทศ หรือ ผู้ผลิตที่มีแผนจะลงทุนผลิตในประเทศเท่านั้น โดยเขียนระบุเป็นเงื่อนไขไว้ในร่างขอบเขตเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) 2.ภายในปี 2565 กำหนดให้การส่งมอบตู้รถไฟและตู้รถไฟฟ้าในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐทั้งหมดจะต้องประกอบชิ้นสุดท้ายในโรงงานภายในประเทศ 3.ภายในปี 2567 กำหนดให้การส่งมอบตู้รถไฟและตู้รถไฟฟ้าในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐทั้งหมดจะต้องใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ โดยราคาของมูลค่าชิ้นส่วน (Local Content) จะต้องไม่น้อยกว่า 40% และ 4.ภายในปี 2568 เป็นต้นไป กำหนดให้การส่งมอบตู้รถไฟและตู้รถไฟฟ้า การซ่อมบำรุง รวมถึงระบบอาณัติสัญญาณ ในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐทั้งหมดจะต้องผลิตภายในประเทศทั้งหมด และต้องมีการผลิตชิ้นส่วนหลักที่เป็นสาระสำคัญ อาทิ ตัวรถ ตู้โดยสาร ห้องควบคุม ระบบช่วงล่าง โบกี้ ระบบห้ามล้อ ระบบเชื่อมต่อ ระบบไฟฟ้า เป็นต้น

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลการศึกษาตัวเลขของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น พบว่า ในอนาคต เมื่อกำหนดการใช้ Local Content 40% แล้วจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถลดต้นทุนการผลิตรถไฟฟ้าและการนำเข้าอุปกรณืชิ้นส่วนได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1.การลดต้นทุนจากการผลิตตัวรถและต้นทุนการนำเข้าชิ้นส่วน 1.8 หมื่นล้านบาท/ปี/รถไฟ 1,000 ตู้ 2.การลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงและค่าบุคลากรผู้เชี่ยวชาญอีกราว 4.3 พันล้านบาท/ปี


A6A9B35F-84AC-49B6-8BCC-1D6F6520C155

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า จะมีปริมาณของตู้รถไฟและรถไฟฟ้ามากกว่า 1,000 ตู้ โดยในปัจจุบันมีตู้รถไฟและตู้รถไฟฟ้าอยู่แล้ว ได้แก่ รถไฟฟ้าจำนวน 413 ตู้ รถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 3,308 ตู้ แบ่งเป็น รถไฟตู้โดยสารจำนวน 1,183 ตู้ รถไฟชุดจำนวน 228 ตู้ และแคร่จำนวน 1,897 ตู้

อย่างไรก็ตาม ด้านการส่งเสริมการลงทุนของ BOI นั้น จะให้สิทธิพิเศษด้านการยกเว้นภาษีการจัดตั้งโรงงานและสิทธิพิเศษด้านอื่น ๆ ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาก่อตั้งโรงงานใน 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี), จ.นครราชสีมา และขอนแก่น จึงมองว่าจะเห็นโรงงานผลิตแห่งแรกในปี 2565


50990400-484C-464A-ABAC-4D6C90F21C3B

"เราลงทุนระบบรางเยอะ เราตั้งใจว่า ต่อไประบบรางจะเป็นระบบหลักของประเทศ ทั้งการขนส่งคนและการขนส่งสินค้า เพราะว่าการพัฒนาระบบรางจะต้องพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางด้วย ซึ่งจากแผนดังกล่าว สมมติว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มีโครงการร่วมลงทุน หรือ PPP ในสายไหน จะต้องใส่เงื่อนไขเข้าไปใน TOR ให้คนที่จะเข้ามาประมูล รวมไปถึงโครงการของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในอนาคตด้วย เพราะเป็นโครงการของภาครัฐ" นายชัยวัฒน์ กล่าว

โดยการประชุมในครั้งนี้ มี นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ผู้แทนการรถไฟแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมประชุม

595959859