Play
'อาเซียน' แชมป์ไทยค้า FTA สูงสุด 'จีน' ครองเบอร์ 1 ไทยนำเข้ามากสุด
Thansettakij เว็บไซต์ข่าวฐานเศรษฐกิจ ผนวกไลฟ์สไตล์ Start up SMEs อสังหาริมทรัพย์ การเงิน การลงทุน การตลาด เศรษฐกิจ เทคโนโลยี Breaking News อัพเดตข่าวล่าสุดที่นี่
พาณิชย์สรุปปี 61 ค้าไทยกับ 17 ประเทศคู่สัญญาเอฟทีเอ อาเซียนยังครองอันดับ 1 มีมูลค่าการค้าสูงสุดกว่า 1.13 แสนล้านดอลลาร์ ขณะจีนครองเบอร์ 1 ไทยใช้สิทธินำเข้ามากสุด ยอด 11 เดือนพุ่ง 1.2 หมื่นล้านดอลล์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) 12 ฉบับ 17 ประเทศ ตลอดทั้งปี 2561 พบว่า มูลค่าการค้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศคู่เอฟทีเอที่ไทยมีมูลค่าการค้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มีมูลค่าการค้า 1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 13% โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยไปอาเซียน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกล เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าหลักของไทยจากอาเซียน เช่น น้ำมันดิบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
[caption id="attachment_384793" align="aligncenter" width="503"]
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม[/caption]
2.จีน มีมูลค่าการค้า 8.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.7% สินค้าส่งออกหลักของไทยไปจีน เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา เป็นต้น สินค้านำเข้าหลักของไทยจากจีน เช่น เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
3. ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.2% สินค้าส่งออกหลักของไทยไปญี่ปุ่น เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกล เครื่องโทรสาร และโทรศัพท์ เป็นต้น สินค้านำเข้าหลักของไทยจากญี่ปุ่น เช่น เครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์
4.ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก อาหารทะเลกระป๋อง และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้านำเข้าหลักของไทย เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ น้ำมันดิบ สินแร่โลหะ ถ่านหิน และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น และ 5.เกาหลี มีมูลค่าการค้า 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.8% สินค้าส่งออกของไทย เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม และเคมีภัณฑ์ ส่วนสินค้านำเข้าหลักของไทย เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้า และสินแร่โลหะ เป็นต้น
สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอ ในปี 2561 ช่วง 11 เดือน (ม.ค. - พ.ย.) พบว่า ไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกเป็นมูลค่าที่ใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.อาเซียน มูลค่า 2.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 36.2% ของมูลค่าการส่งออกไปอาเซียน 2.จีน มูลค่า 1.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 53.7% ของมูลค่าการส่งออกไปจีน 3.ออสเตรเลีย มูลค่า 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 79.5% ของมูลค่าการส่งออกไปออสเตรเลีย 4.ญี่ปุ่น มูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 28.2% ของมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่น และ 5.อินเดีย มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 53.9% ของมูลค่าการส่งออกไปอินเดีย
ขณะที่ ไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการนำเข้าเป็นมูลค่าที่ใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.จีน มูลค่า 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 26.6% ของการนำเข้าจากจีน 2.อาเซียน มูลค่า 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 20.3% ของการนำเข้าจากอาเซียน 3.ญี่ปุ่น มูลค่า 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 23.4 ของการนำเข้าจากญี่ปุ่น 4.เกาหลีใต้ มูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 27.4% ของการนำเข้าจากเกาหลีใต้ และ 5.ออสเตรเลีย มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 11.9% ของการนำเข้าจากออสเตรเลีย
"อาเซียนยังคงครองตำแหน่งคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ด้วยสัดส่วนการค้ามากถึง 22.7% ซึ่งในปี 2562 นี้ ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ได้มีการนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของไทย เช่น การเชื่อมโยงเอกสารใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียนทางอิเล็กทรอนิกส์ การเร่งอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ อาทิ การจัดทำฐานข้อมูล กฎระเบียบการค้าของอาเซียน ทั้งอัตราภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี การเตรียมบุคลากรรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 เป็นต้น"
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) 12 ฉบับ 17 ประเทศ ตลอดทั้งปี 2561 พบว่า มูลค่าการค้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศคู่เอฟทีเอที่ไทยมีมูลค่าการค้าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.อาเซียน มีมูลค่าการค้า 1.13 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 13% โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยไปอาเซียน ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกล เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าหลักของไทยจากอาเซียน เช่น น้ำมันดิบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น
[caption id="attachment_384793" align="aligncenter" width="503"]
2.จีน มีมูลค่าการค้า 8.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.7% สินค้าส่งออกหลักของไทยไปจีน เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และยางพารา เป็นต้น สินค้านำเข้าหลักของไทยจากจีน เช่น เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เคมีภัณฑ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
3. ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.2% สินค้าส่งออกหลักของไทยไปญี่ปุ่น เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกล เครื่องโทรสาร และโทรศัพท์ เป็นต้น สินค้านำเข้าหลักของไทยจากญี่ปุ่น เช่น เครื่องจักรกล เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้า และเคมีภัณฑ์
4.ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 1.67 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12% สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก อาหารทะเลกระป๋อง และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้านำเข้าหลักของไทย เช่น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ น้ำมันดิบ สินแร่โลหะ ถ่านหิน และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เป็นต้น และ 5.เกาหลี มีมูลค่าการค้า 1.37 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.8% สินค้าส่งออกของไทย เช่น ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เครื่องคอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม และเคมีภัณฑ์ ส่วนสินค้านำเข้าหลักของไทย เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรไฟฟ้า และสินแร่โลหะ เป็นต้น
สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอ ในปี 2561 ช่วง 11 เดือน (ม.ค. - พ.ย.) พบว่า ไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการส่งออกเป็นมูลค่าที่ใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.อาเซียน มูลค่า 2.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 36.2% ของมูลค่าการส่งออกไปอาเซียน 2.จีน มูลค่า 1.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 53.7% ของมูลค่าการส่งออกไปจีน 3.ออสเตรเลีย มูลค่า 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 79.5% ของมูลค่าการส่งออกไปออสเตรเลีย 4.ญี่ปุ่น มูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 28.2% ของมูลค่าการส่งออกไปญี่ปุ่น และ 5.อินเดีย มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 53.9% ของมูลค่าการส่งออกไปอินเดีย
ขณะที่ ไทยใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอในการนำเข้าเป็นมูลค่าที่ใช้สิทธิสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.จีน มูลค่า 1.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 26.6% ของการนำเข้าจากจีน 2.อาเซียน มูลค่า 8,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 20.3% ของการนำเข้าจากอาเซียน 3.ญี่ปุ่น มูลค่า 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 23.4 ของการนำเข้าจากญี่ปุ่น 4.เกาหลีใต้ มูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 27.4% ของการนำเข้าจากเกาหลีใต้ และ 5.ออสเตรเลีย มูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 11.9% ของการนำเข้าจากออสเตรเลีย
"อาเซียนยังคงครองตำแหน่งคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ด้วยสัดส่วนการค้ามากถึง 22.7% ซึ่งในปี 2562 นี้ ที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ได้มีการนำเสนอประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการของไทย เช่น การเชื่อมโยงเอกสารใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียนทางอิเล็กทรอนิกส์ การเร่งอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการ อาทิ การจัดทำฐานข้อมูล กฎระเบียบการค้าของอาเซียน ทั้งอัตราภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี การเตรียมบุคลากรรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล และการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 เป็นต้น"
