SCG ทุ่ม 2.75 หมื่นล้าน ลุย "ปิโตรเคมี" รับเขตส่งเสริม "อาร์ไอแอล"
กลุ่มเอสซีจีเดินหน้าลงทุนในอีอีซี ทุ่ม 2 หมื่นล้านบาท ขยายโรงงานโอเลฟิน และอีก 7.5 พันล้านบาท ต่อยอดปิโตรเคมีขั้นสูง รองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายขยายตัว รอเพียงนิคมฯอาร์ไอแอล ได้รับอนุมัติเป็นเขตส่งเสริมพิเศษ พร้อมลงทุนได้ในปีนี้
เริ่มมีความชัดเจนแล้ว สำหรับแผนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของกลุ่มเอสซีจี ที่ล่าสุด ผู้บริหารได้ประกาศการลงทุนในการปรับปรุงเพื่อขยายกำลังการผลิตคอขวด (Debottleneck) โรงงานโอเลฟิน ของ บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล จ.ระยอง ใช้เงินลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 โครงการหลัก ภายใต้เงินลงทุน 7,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายโรงงานผลิตโอเลฟินด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ต้นทางให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะเป็นตัวเร่งผลักดันให้เกิดความต้องการปริมาณการผลิตของสารกลุ่มโอเลฟินส์ โดยเฉพาะเอทิลีนและโพรไพลีน ซึ่งเป็นสารที่นำไปสู่กระบวนการผลิตโพลีเมอร์ หรือ เม็ดพลาสติก ที่เพิ่มมากขึ้น ที่จะช่วยสนับสนุนภาคการออกแบบขึ้นรูปและอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ใช้เงินลงทุนราว 5,680 ล้านบาท บนพื้นที่ 49 ไร่
โครงการเพิ่มกระบวนการผลิตโพลิเอทิลีนที่มีคุณสมบัติพิเศษ (HVP) หรือ การพัฒนาเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยีเดิมในการผลิต HDPE ประเภทใหม่ ๆ ด้วยเงินลงทุน 970 ล้านบาท บนพื้นที่ 20 ไร่ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการขอจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้น และแผนการพัฒนาต้นแบบการปรับปรุงคุณสมบัติการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยเม็ดพลาสติกดังกล่าวจะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 20% ทำให้สามารถนำไปขึ้นรูปสินค้า จะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 20% ด้วยสามารถลดการใช้เม็ดพลาสติกลง 20% และช่วยลดการนำเข้าเม็ดพลาสติกชนิดนี้ได้มากกว่า 6 พันตันต่อปี
อีกทั้งการลงทุนในโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกต้นแบบ เพื่อเป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์สมัยใหม่ และเพื่อรองรับอุตสาหกรรมพลาสติกอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์รองรับสินค้าการเกษตรในพื้นที่ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนราว 720 ล้านบาท บนพื้นที่ 12 ไร่
รวมถึงการลงทุนในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 4.5 เมกะวัตต์ บนเนื้อที่ 55 ไร่ เงินลงทุน 190 ล้านบาท เพื่อป้อนไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่อยู่นิคมฯอาร์ไอแอล
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) สำหรับการปรับปรุงเพื่อขยายกำลังการผลิตคอขวด โรงงานโอเลฟิน จะเริ่มดำเนินการในปีนี้และแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งจะทำให้เพิ่มการผลิตเอทิลีนจาก 1 ล้านตันต่อปี เป็น 1.45 ล้านตันต่อปี สนองความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้
ขณะที่ อีก 4 โครงการนั้น กลุ่มเอสซีจีพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนได้ทันที แต่ขึ้นอยู่กับว่า นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล พื้นที่ 1,703 ไร่ บริเวณ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง จะได้รับการอนุมัติเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรมได้เมื่อใด หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องไปสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา
โดยพื้นที่นิคมดังกล่าว ปัจจุบันยังมีพื้นที่ว่างเพื่อพัฒาเป็นอุตสาหกรรมในอนาคตอีกจำนวน 250 ไร่ และมีแผนจะเริ่มการพัฒนาในระยะแรกบนเนื้อที่ 136 ไร่ ภายในปี 2562
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,442 วันที่ 7 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
เริ่มมีความชัดเจนแล้ว สำหรับแผนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของกลุ่มเอสซีจี ที่ล่าสุด ผู้บริหารได้ประกาศการลงทุนในการปรับปรุงเพื่อขยายกำลังการผลิตคอขวด (Debottleneck) โรงงานโอเลฟิน ของ บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล จ.ระยอง ใช้เงินลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 โครงการหลัก ภายใต้เงินลงทุน 7,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายโรงงานผลิตโอเลฟินด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ต้นทางให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะเป็นตัวเร่งผลักดันให้เกิดความต้องการปริมาณการผลิตของสารกลุ่มโอเลฟินส์ โดยเฉพาะเอทิลีนและโพรไพลีน ซึ่งเป็นสารที่นำไปสู่กระบวนการผลิตโพลีเมอร์ หรือ เม็ดพลาสติก ที่เพิ่มมากขึ้น ที่จะช่วยสนับสนุนภาคการออกแบบขึ้นรูปและอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ใช้เงินลงทุนราว 5,680 ล้านบาท บนพื้นที่ 49 ไร่
โครงการเพิ่มกระบวนการผลิตโพลิเอทิลีนที่มีคุณสมบัติพิเศษ (HVP) หรือ การพัฒนาเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (HDPE) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเทคโนโลยีเดิมในการผลิต HDPE ประเภทใหม่ ๆ ด้วยเงินลงทุน 970 ล้านบาท บนพื้นที่ 20 ไร่ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการขอจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้น และแผนการพัฒนาต้นแบบการปรับปรุงคุณสมบัติการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก โดยเม็ดพลาสติกดังกล่าวจะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 20% ทำให้สามารถนำไปขึ้นรูปสินค้า จะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 20% ด้วยสามารถลดการใช้เม็ดพลาสติกลง 20% และช่วยลดการนำเข้าเม็ดพลาสติกชนิดนี้ได้มากกว่า 6 พันตันต่อปี
อีกทั้งการลงทุนในโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกต้นแบบ เพื่อเป็นชิ้นส่วนประกอบรถยนต์สมัยใหม่ และเพื่อรองรับอุตสาหกรรมพลาสติกอื่น ๆ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์รองรับสินค้าการเกษตรในพื้นที่ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนราว 720 ล้านบาท บนพื้นที่ 12 ไร่
รวมถึงการลงทุนในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิต 4.5 เมกะวัตต์ บนเนื้อที่ 55 ไร่ เงินลงทุน 190 ล้านบาท เพื่อป้อนไฟฟ้าให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่อยู่นิคมฯอาร์ไอแอล
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) สำหรับการปรับปรุงเพื่อขยายกำลังการผลิตคอขวด โรงงานโอเลฟิน จะเริ่มดำเนินการในปีนี้และแล้วเสร็จในปี 2564 ซึ่งจะทำให้เพิ่มการผลิตเอทิลีนจาก 1 ล้านตันต่อปี เป็น 1.45 ล้านตันต่อปี สนองความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้
ขณะที่ อีก 4 โครงการนั้น กลุ่มเอสซีจีพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนได้ทันที แต่ขึ้นอยู่กับว่า นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล พื้นที่ 1,703 ไร่ บริเวณ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง จะได้รับการอนุมัติเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรมได้เมื่อใด หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องไปสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา
โดยพื้นที่นิคมดังกล่าว ปัจจุบันยังมีพื้นที่ว่างเพื่อพัฒาเป็นอุตสาหกรรมในอนาคตอีกจำนวน 250 ไร่ และมีแผนจะเริ่มการพัฒนาในระยะแรกบนเนื้อที่ 136 ไร่ ภายในปี 2562
หน้า 5 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,442 วันที่ 7 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
