ทอท. ยัน! สร้าง "เทอร์มินัล 2" คุ้มค่าลงทุน
ทอท. ชี้แจงความจำเป็นก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 วงเงิน 4 หมื่นล้าน ตามแผนแม่บทปี 2561 รองรับผู้โดยสาร 150 ล้านคน คุ้มค่าการลงทุน
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทอท. พร้อมดำเนินการตามมติ คสช. เพราะการลงทุนตามแผนแม่บทเดิมปี 2546 เป็นสิ่งที่ ทอท. ต้องลงทุนอยู่แล้ว แต่ด้วยจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ ทอท. ต้องมองถึงการลงทุนเพื่อให้ทันกับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสาร จึงมองว่า หากไล่ลงทุนไปตามลำดับแผนแม่บทในปี 2546 ซึ่งกว่าจะลงทุนไปสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศใต้ของสนามบิน (บางนาตราด) จะไม่ทันกับสถานการณ์ และจะไม่สามารถปลดล็อกปัญหาเหมือนในอดีตที่ขยายเท่าไหร่ก็ตามหลังการเติบโตของผู้โดยสาร
[caption id="attachment_384039" align="aligncenter" width="503"]
นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.[/caption]
"พื้นที่ด้านใต้เป็นพื้นที่รกร้างและอยู่ไกลมาก ยังต้องรอการพัฒนาระบบขนส่งอัตโนมัติ (APM) เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน และเรากำลังอยู่ระหว่างลงทุน APM เชื่อมจากอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบันไปยังอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งจะต้องไล่ลงทุนต่อระยะทาง APM ไปยังอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 ซึ่งรอการพัฒนาที่ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะไปถึงฝั่งบางนา"
ขณะเดียวกันยังต้องรอการทยอยพัฒนาระบบไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค ระบบประปาของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ทอท. จึงเสนอแผนในการสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A ที่สามารถเชื่อมโยงกับการให้บริการต่าง ๆ ในกลุ่มอาคารที่ปฏิบัติการบินและให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจากแผนแม่บทเดิมปี 2546 ซึ่งลงทุนเพิ่มราวกว่า 4 หมื่นล้านบาท ก็จะได้อาคารผู้โดยสารจาก 2 อาคาร เป็น 3 อาคาร รองรับผู้โดยสารจาก 120 ล้านคน เป็น 150 ล้านคน
[caption id="attachment_384040" align="aligncenter" width="500"]
[/caption]
อย่างไรก็ตาม ทอท. ยังคงยืนยันถึงความจำเป็นในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A โดยอยู่ระหว่างรวบรวมความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาสนามบิน (Airport Consultative Committees) หรือ ACC สนับสนุนให้ ทอท. ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในจุดดังกล่าว พร้อมนำเสนอบอร์ด ทอท. พิจารณาในวันที่ 20 ก.พ. ก่อนจะชี้แจงและนำเสนอข้อมูลเฉพาะเรื่องอาคารผู้โดยสารหลังดังกล่าว ไปให้ คสช. พิจารณา
"ท้ายสุด หาก ทอท. นำเสนอข้อมูลมายืนยันถึงความจำเป็นในการลงทุนตามแผนแม่บทปี 2561 แล้ว สศช. ยังไม่เห็นด้วยอีก ทอท. ก็ต้องปฏิบัติตามที่สภาพัฒน์มีมติ เพียงแต่ ทอท. ในฐานะผู้ลงทุนก็มองการพัฒนาที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว ส่วนประเด็นที่สภาพัฒน์มีการตั้งข้อสังเกตว่า แผนแม่บทปี 2561 ไม่แสดงถึงความเชื่อมโยงกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในระยะ 20 ปี อาทิ รถไฟความเร็วสูง ซึ่ง ทอท. ขอชี้แจงว่า ทอท. ได้มีการปรับปรุงและอัพเดตแนวโน้มการเติบโตของผู้โดยสารจากแผนแม่บทปี 2546 ที่เป็นแผนเก่า มาแผนแม่บทปี 2561 เพื่อพัฒนาศักยภาพการขยายสนามบินให้ทันต่อการเติบโตของผู้โดยสาร โดยเปิดหน้างานใหม่ สร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในจุดที่ไม่กระทบกระเทือนกับจุดที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ลงทุนควบคู่ไประหว่างเฟส 2 และเฟส 3 แทนที่จะปล่อยให้ผู้โดยสารทะลักมาเป็น 78 ล้านคน ขณะที่ ศักยภาพของสนามบินปัจจุบันอยู่ที่ 45 ล้านคน แต่ผู้โดยสารใช้บริการกว่า 63 ล้านคน เข้าไปแล้ว"
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,440 วันที่ 31 ม.ค. - 2 ก.พ. 2562 หน้า 02
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● รื้อ "เทอร์มินัล 2" !! 'อาคม' เรียก ทอท. แจงด่วนเฟส 3 สุวรรณภูมิ
● ทอท. หงายเงิบ! สภาพัฒน์เบรก "เทอร์มินัล 2" สั่งยึดตามแผนแม่บทเดิม
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ทอท. พร้อมดำเนินการตามมติ คสช. เพราะการลงทุนตามแผนแม่บทเดิมปี 2546 เป็นสิ่งที่ ทอท. ต้องลงทุนอยู่แล้ว แต่ด้วยจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ ทอท. ต้องมองถึงการลงทุนเพื่อให้ทันกับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสาร จึงมองว่า หากไล่ลงทุนไปตามลำดับแผนแม่บทในปี 2546 ซึ่งกว่าจะลงทุนไปสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศใต้ของสนามบิน (บางนาตราด) จะไม่ทันกับสถานการณ์ และจะไม่สามารถปลดล็อกปัญหาเหมือนในอดีตที่ขยายเท่าไหร่ก็ตามหลังการเติบโตของผู้โดยสาร
[caption id="attachment_384039" align="aligncenter" width="503"]
"พื้นที่ด้านใต้เป็นพื้นที่รกร้างและอยู่ไกลมาก ยังต้องรอการพัฒนาระบบขนส่งอัตโนมัติ (APM) เชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน และเรากำลังอยู่ระหว่างลงทุน APM เชื่อมจากอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบันไปยังอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเท่านั้น ซึ่งจะต้องไล่ลงทุนต่อระยะทาง APM ไปยังอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 ซึ่งรอการพัฒนาที่ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะไปถึงฝั่งบางนา"
ขณะเดียวกันยังต้องรอการทยอยพัฒนาระบบไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค ระบบประปาของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ทอท. จึงเสนอแผนในการสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A ที่สามารถเชื่อมโยงกับการให้บริการต่าง ๆ ในกลุ่มอาคารที่ปฏิบัติการบินและให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นจากแผนแม่บทเดิมปี 2546 ซึ่งลงทุนเพิ่มราวกว่า 4 หมื่นล้านบาท ก็จะได้อาคารผู้โดยสารจาก 2 อาคาร เป็น 3 อาคาร รองรับผู้โดยสารจาก 120 ล้านคน เป็น 150 ล้านคน
[caption id="attachment_384040" align="aligncenter" width="500"]
อย่างไรก็ตาม ทอท. ยังคงยืนยันถึงความจำเป็นในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A โดยอยู่ระหว่างรวบรวมความเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาการพัฒนาสนามบิน (Airport Consultative Committees) หรือ ACC สนับสนุนให้ ทอท. ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารในจุดดังกล่าว พร้อมนำเสนอบอร์ด ทอท. พิจารณาในวันที่ 20 ก.พ. ก่อนจะชี้แจงและนำเสนอข้อมูลเฉพาะเรื่องอาคารผู้โดยสารหลังดังกล่าว ไปให้ คสช. พิจารณา
"ท้ายสุด หาก ทอท. นำเสนอข้อมูลมายืนยันถึงความจำเป็นในการลงทุนตามแผนแม่บทปี 2561 แล้ว สศช. ยังไม่เห็นด้วยอีก ทอท. ก็ต้องปฏิบัติตามที่สภาพัฒน์มีมติ เพียงแต่ ทอท. ในฐานะผู้ลงทุนก็มองการพัฒนาที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว ส่วนประเด็นที่สภาพัฒน์มีการตั้งข้อสังเกตว่า แผนแม่บทปี 2561 ไม่แสดงถึงความเชื่อมโยงกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในระยะ 20 ปี อาทิ รถไฟความเร็วสูง ซึ่ง ทอท. ขอชี้แจงว่า ทอท. ได้มีการปรับปรุงและอัพเดตแนวโน้มการเติบโตของผู้โดยสารจากแผนแม่บทปี 2546 ที่เป็นแผนเก่า มาแผนแม่บทปี 2561 เพื่อพัฒนาศักยภาพการขยายสนามบินให้ทันต่อการเติบโตของผู้โดยสาร โดยเปิดหน้างานใหม่ สร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในจุดที่ไม่กระทบกระเทือนกับจุดที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ลงทุนควบคู่ไประหว่างเฟส 2 และเฟส 3 แทนที่จะปล่อยให้ผู้โดยสารทะลักมาเป็น 78 ล้านคน ขณะที่ ศักยภาพของสนามบินปัจจุบันอยู่ที่ 45 ล้านคน แต่ผู้โดยสารใช้บริการกว่า 63 ล้านคน เข้าไปแล้ว"
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,440 วันที่ 31 ม.ค. - 2 ก.พ. 2562 หน้า 02
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● รื้อ "เทอร์มินัล 2" !! 'อาคม' เรียก ทอท. แจงด่วนเฟส 3 สุวรรณภูมิ
● ทอท. หงายเงิบ! สภาพัฒน์เบรก "เทอร์มินัล 2" สั่งยึดตามแผนแม่บทเดิม