เปิดแผน "ตลาดหุ้นดิจิตอล" !! ตั้งเป้าแข่งสิงคโปร์ - มาร์เก็ตแคปพุ่งแตะ 30 ล้านล้านบาท
ตลท. ตั้งเป้าปี 2566 ขึ้นชั้นเทียบเท่าตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดันมาร์เก็ตแคปแตะ 30 ล้านล้านบาท หรือ 150% ต่อจีดีพี มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 95,000 ล้านบาท เผยแผน 3 ปี เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและต่อยอดธุรกิจใหม่ผ่าน 4 กลยุทธ์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ต่าง ๆ กำลังเข้าสู่ยุคของการพัฒนาไปในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิตอล ในปี 2561 ที่ผ่านมา มีการประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ. 2561 ภายใต้การกำกับดูแลโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในฐานะศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์และช่องทางการระดมทุนของภาคธุรกิจ ได้ปรับแผนการทำงานเพื่อรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาสู่ตลาดทุนอย่างรวดเร็ว โดยได้วางกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์ฯระยะ 3 ปี (2562-2564) ภายใต้แนวคิด "Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth" เพื่อการพัฒนาไปให้เอื้อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้วางแผนการดำเนินงานระยะยาวจนถึงปี 2566 เพื่อพัฒนาให้ทัดเทียมกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยตั้งเป้าหมายมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขึ้นไปถึง 30 ล้านล้านบาท (จากปัจจุบันอยู่ที่ 16.6 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 150% ของจีดีพี (จากปัจจุบันอยู่ที่ 108%) โดยตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 95,000 ล้านบาท จากปี 2561 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 57,674 ล้านบาท
แผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2564 จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและต่อยอดธุรกิจใหม่ผ่าน 4 กลยุทธ์ ได้แก่ ขยายขอบเขตการทำธุรกิจ ด้วยการขยายฐานผู้ลงทุนไปยังจังหวัดเมืองรอง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนอย่างสม่ำเสมอผ่านการลงทุนหุ้นและกองทุนรวม รวมถึงให้ความรู้การลงทุนรองรับการเกษียณอายุ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพัฒนาเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนแบบครบวงจร
นอกจากนี้ ยังแสวงหาโอกาสใหม่ด้วยเทคโนโลยีก้าวสู่ดิจิตอลเต็มรูปแบบ ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มแบบเปิดที่ครบวงจร ต่อยอดระบบการเข้าถึงกองทุนรวม เพื่อให้ซื้อขายกองทุนข้ามประเทศ การชำระเงินระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนแบบข้ามธนาคารและพัฒนาบริการเพิ่มเติม เพื่อให้การเปิดบัญชีเป็นดิจิตอลเต็มรูปแบบ รวมถึงเชื่อมโยงต่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจให้ตลาดทุน และยังเตรียมสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้ตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะลดความซํ้าซ้อนของกระบวนการและกฎเกณฑ์ โดยสร้างแพลตฟอร์มใหม่เพื่อให้บริการแบบครบวงจร เริ่มจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งด้านรับหลักทรัพย์ การดูแล บจ. บริการหลังการซื้อขาย การพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และจะขยายสู่ผู้ร่วมตลาดอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อลดขั้นตอนที่ซํ้าซ้อน เกิดความคล่องตัว ลดค่าใช้จ่ายของอุตสาหกรรมตลาดทุนทั้งระบบ อีกทั้งปฏิรูปกฎเกณฑ์และขั้นตอนการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อลดอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ และปรับรูปแบบธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในตลาดทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่จัดกลุ่มธุรกิจเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจหลัก ธุรกิจใหม่และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาตลาดทุนระยะยาว
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,441 วันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2562
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในฐานะศูนย์กลางการซื้อขายหลักทรัพย์และช่องทางการระดมทุนของภาคธุรกิจ ได้ปรับแผนการทำงานเพื่อรองรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาสู่ตลาดทุนอย่างรวดเร็ว โดยได้วางกลยุทธ์ตลาดหลักทรัพย์ฯระยะ 3 ปี (2562-2564) ภายใต้แนวคิด "Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth" เพื่อการพัฒนาไปให้เอื้อประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้วางแผนการดำเนินงานระยะยาวจนถึงปี 2566 เพื่อพัฒนาให้ทัดเทียมกับตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยตั้งเป้าหมายมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขึ้นไปถึง 30 ล้านล้านบาท (จากปัจจุบันอยู่ที่ 16.6 ล้านล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วน 150% ของจีดีพี (จากปัจจุบันอยู่ที่ 108%) โดยตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มเป็น 95,000 ล้านบาท จากปี 2561 มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 57,674 ล้านบาท
แผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2564 จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและต่อยอดธุรกิจใหม่ผ่าน 4 กลยุทธ์ ได้แก่ ขยายขอบเขตการทำธุรกิจ ด้วยการขยายฐานผู้ลงทุนไปยังจังหวัดเมืองรอง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนอย่างสม่ำเสมอผ่านการลงทุนหุ้นและกองทุนรวม รวมถึงให้ความรู้การลงทุนรองรับการเกษียณอายุ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพัฒนาเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนแบบครบวงจร
นอกจากนี้ ยังแสวงหาโอกาสใหม่ด้วยเทคโนโลยีก้าวสู่ดิจิตอลเต็มรูปแบบ ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มแบบเปิดที่ครบวงจร ต่อยอดระบบการเข้าถึงกองทุนรวม เพื่อให้ซื้อขายกองทุนข้ามประเทศ การชำระเงินระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนแบบข้ามธนาคารและพัฒนาบริการเพิ่มเติม เพื่อให้การเปิดบัญชีเป็นดิจิตอลเต็มรูปแบบ รวมถึงเชื่อมโยงต่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจให้ตลาดทุน และยังเตรียมสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิตอล เพื่อสร้างโอกาสใหม่ให้ตลาดทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะลดความซํ้าซ้อนของกระบวนการและกฎเกณฑ์ โดยสร้างแพลตฟอร์มใหม่เพื่อให้บริการแบบครบวงจร เริ่มจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งด้านรับหลักทรัพย์ การดูแล บจ. บริการหลังการซื้อขาย การพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และจะขยายสู่ผู้ร่วมตลาดอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อลดขั้นตอนที่ซํ้าซ้อน เกิดความคล่องตัว ลดค่าใช้จ่ายของอุตสาหกรรมตลาดทุนทั้งระบบ อีกทั้งปฏิรูปกฎเกณฑ์และขั้นตอนการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อลดอุปสรรคการดำเนินธุรกิจ และปรับรูปแบบธุรกิจ โดยให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในตลาดทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันที่จัดกลุ่มธุรกิจเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ธุรกิจหลัก ธุรกิจใหม่และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาตลาดทุนระยะยาว
หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,441 วันที่ 3-6 กุมภาพันธ์ 2562
