ข้าพระบาท ทาสประชาชน : สิทธิบัตรกัญชา กับผลกระทบทางการเมืองต่อรัฐบาล คสช. (1)

30 ม.ค. 2562 | 12:12 น.

กัญชา-002 green-1648353_960_720 เรื่องของสารที่สกัดจากกัญชา ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งที่สามารถปลูกและขึ้นได้ดีในภูมิอากาศและสภาพดินในภูมิภาคเขตร้อนอย่างประเทศไทย จนเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า กัญชาที่ปลูกในประเทศไทย เป็นกัญชาที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ทั้งยังสามารถใช้ประกอบกับพืชสมุนไพร อื่นๆ เป็นโอสถรักษาโรคได้หลายชนิด

เรื่องกัญชาที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับผู้ป่วยที่เจ็บป่วยด้วยอาการโรคต่างๆ นี้ ผู้เขียนก็ได้ความรู้มาจากการอ่านบทความทางวิชาการของ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต และ คุณแวสะมิง แวหมะ ซึ่งเป็นรองคณบดีสถาบันดังกล่าว ทั้ง 2 ท่านได้ให้ความรู้และต่างยืนยันว่า ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในทางการแพทย์สากลว่า กัญชาเป็นสมุนไพรที่ช่วยทำให้นอนหลับ ลดอาการปวด ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ทำให้เจริญอาหาร ลดอาการเครียด แก้โรคลมชัก คุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลดผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งโดยใช้คีโมบำบัดหรือฉายแสงได้อีกด้วย

ท่านให้ข้อมูลความรู้ที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง โดยอ้างอิงผลงานวิจัยของศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (The Nation Center for Biotechnology Information) จำนวนกว่า 121 ชิ้น ที่มีอยู่ในรายงานวารสารทางการแพทย์ชั้นนำของโลก ทั้งในหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง และยังมีรายงานเป็นกรณีศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งภายหลังจากการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบันมาแล้ว ซึ่งสารสกัดกัญชาในหลอดทดลอง สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด ในสัตว์ทดลอง สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
herb-2915337_960_720 นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถืออีกว่า “กัญชา” เป็นตัวยาหนึ่งในหลายตำรับยา ในคัมภีร์ธาตุพระนารายณ์ ฉบับใบลาน ซึ่งคัมภีร์นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติไว้เรียบร้อย

แล้ว และในคัมภีร์แพทยศาสตร์สงเคราะห์ อันเป็นตำราแพทย์แผนไทยฉบับหลวง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จางวางแพทย์ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอมฤตย์ กรมหมื่นภูบดีราชหฤทัยพระราชโอรสในรัชกาลที่ 3 เป็นประธานชำระความถูกต้องเป็นพระคัมภีร์แพทย์แผนไทยทั้งมวล

ปรากฏว่ามีสูตรตำรับยาหลวงที่มี “กัญชา” เป็นตัวยาเข้าร่วมด้วยอย่างน้อยถึง 10 ตำรับด้วยกัน ซึ่งรายละเอียดหาอ่านได้ในบทความของท่าน เรื่อง “กัญชารักษามะเร็ง เรื่องจริงหรือลวงโลก” ใน MGR ONLINE ซึ่งมีรายละเอียดข้อมูลที่ดีมาก และช่วยเปิดหูเปิดตาคนไทย รวมถึงตัวผู้เขียนว่าด้วยความเชื่อเรื่องกัญชาใช้รักษาโรคได้จริง มิใช่ความเชื่อที่เหลวไหลอีกต่อไป นอกจากนี้เรื่องของกัญชา ยังเป็นภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทย ที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ได้นำมาใช้ในตำรับยาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เพียงแต่เราพี่น้องคนไทยยังมิได้ตื่นรู้ในเรื่องนี้เท่า นั้นเอง

[caption id="attachment_381779" align="aligncenter" width="500"] ข้าพระบาท ทาสประชาชน : สิทธิบัตรกัญชา กับผลกระทบทางการเมืองต่อรัฐบาล คสช. (1) เพิ่มเพื่อน [/caption]

ในต่างประเทศทั่วโลกก็รับรู้ถึงสรรพคุณของกัญชาในการรักษาโรค ทั้งได้มีการศึกษาวิจัยกันอย่างกว้างขวางและพัฒนาเป็นสารสกัดชนิดต่างๆนำมาใช้รักษาโรคได้โดยเปิดเผยถูกกฎหมายมานานแล้วในหลายประเทศ แต่ประเทศไทยของเรา ยังมิได้ต่อยอดภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการศึกษา และพัฒนา ค้นคว้าวิจัย เพื่อนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในทางการแพทย์

แต่ประเทศเรากลับมีกฎหมายบัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7 (5) ระบุให้กัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครอง เว้นแต่รัฐมนตรีจะได้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการเป็นรายๆไป ซึ่งหากมีไว้ในครอบครองตั้งแต่ 10 กิโลกรัมขึ้นไป ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามมาตรา 26 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหนึ่งล้านห้าแสนบาท ตามมาตรา 75
foliage-1157792_960_720 เมื่อกัญชาถูกบัญญัติไว้ให้เป็นยาเสพติดประเภทหนึ่งเช่นนี้ จึงทำให้เกิดปัญหาและข้อจำกัดในการที่ประชาชนจะปลูกพืชกัญชา แม้สามารถสร้างรายได้ให้เป็นอย่างดี และเพื่อการศึกษาค้นคว้า ทดลองและวิจัย เพื่อทางการแพทย์ ก็เป็นการปิดโอกาสมิให้ภูมิปัญญาของคนไทย หรือแพทย์แผนไทยได้พัฒนาให้เจริญก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ และเพื่อการรักษาผู้เจ็บป่วย ที่จะได้รับการรักษาด้วยภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทย ที่ได้ผลและมีต้นทุนตํ่าได้

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล คสช.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่องให้ปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายดังกล่าวเสีย จากภาคประชาชนจำนวนมาก ซึ่งได้ออกมาช่วยกันรณรงค์ต่อสู้เรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกกฎหมายที่ระบุให้กัญชาเป็นยาเสพติด เพื่อประโยชน์ในทางการแพทย์ และเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ที่กำลังรอคอยความหวังในการรักษาโรคร้ายต่างๆ โดยมิต้องแอบลักลอบใช้ ทั้งเพื่อเปิดโอกาสให้ภูมิปัญญาไทย เป็นทางออกหนึ่งในการรักษาโรคร้ายให้กับเพื่อนมนุษยชาติทั้งโลก

ข้อเรียกร้องนี้ต่อรัฐบาล คสช. จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ประกาศจะคืนความสุขแก่ประชาชน หรือที่ได้แสดงจุดยืนแน่วแน่จะแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนในชาติ โดยยึดเอาความถูกต้องและผลประโยชน์แห่งชาติเป็นที่ตั้ง จะเพิกเฉยหรือมึนชาต่อเสียงเรียกร้องนี้มิได้ ยิ่งผลโพลล์สำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องนี้ 90% เห็นควรให้ยกเลิกกฎหมายและเลิกข้อจำกัดในการปิดกั้นการนำกัญชามาใช้เพื่อทางการแพทย์เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
ตู่ ด้วยเหตุที่เสียงเรียกร้องของประชาชนจำนวนมาก และเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงที่รับฟังและเชื่อถือได้ว่า สารสกัดจากกัญชาสามารถรักษาโรคได้เช่นนี้ ทำให้ สนช.กลุ่มหนึ่งที่นำโดย คุณสมชาย แสวงการ กับคณะ ที่เล็งเห็นความทุกข์ยากของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งร้าย ที่ต้องล้มตายไปคนแล้วคนเล่า และรู้ว่ามีการแอบลักลอบใช้สารสกัดจากกัญชา ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อรักษาชีวิตตนเองแม้จะรู้ว่าผิดกฎหมายก็ตาม

เพื่อการปลดล็อกปัญหานี้ สนช. จึงได้ร่วมกันเสนอ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ.2522 เฉพาะประเด็นที่จะแก้ไขให้กัญชามิใช่ยาเสพติดประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดอีกต่อไป เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ อันเป็นความปรารถนาดีของ สนช.ต่อประชาชน และคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติ

แต่เรื่องนี้ยังมีปัญหาอุปสรรค และความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอีกหลายประการ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ทำไมรัฐบาลต้องใช้ ม.44 ในเรื่องนี้ โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปครับ

| คอลัมน์ : ข้าพระบาท ทาสประชาชน
| โดย : ประพันธุ์ คูณมี
| หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3440 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 31 ม.ค.-2 ก.พ.2562
595959859