'ไทยรักษาชาติ' ชวนคนใต้สลัดพ้นพรรคเก่าแก่ เพื่อหลุดจากชะตากรรมที่ยากลำบาก ชู "ทษช." เน้นแก้ปัญหาพัฒนาประเทศด้วยทีมเศรษฐกิจมืออาชีพ
'จาตุรนต์' ชวนคนใต้สลัดพ้นพรรคเก่าแก่ เพื่อหลุดจากชะตากรรมที่ยากลำบาก ชู "ทษช." เน้นแก้ปัญหาพัฒนาประเทศด้วยทีมเศรษฐกิจมืออาชีพ พร้อมเปิดเวทีปราศรัย "พัทลุง-ตรัง" ทั้ง 2 แห่ง พร้อมกันเย็นนี้
พรรคไทยรักษาชาติ นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พร้อมแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เดินสายปราศรัยภาคใต้ วันที่ 2 ที่ จ.พัทลุง เริ่มจากเดินพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดเพียรยินดีภายในเขตเทศบาล และพูดคุยกับร้านค้าที่เป็นอาคารพาณิชย์ย่านกลางเมือง โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่นและทักทายอย่างเป็นกันเอง
ขณะที่ พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสดเทศบาลเมืองพัทลุง สะท้อนปัญหาว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ขายสินค้าไม่ค่อยได้ ถึงขนาดที่ว่า บางตรอกซอกซอยมีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ จึงอยากให้พรรคไทยรักษาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ โดยแม่ค้ากล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ในอดีตจะมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ครองใจพี่น้องชาวใต้มาอย่างยาวนาน แต่ตอนนี้พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงและให้โอกาส ทษช. เข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์กับประชาชนชาวพัทลุงบ้าง
นอกจากนี้ ทางคณะเดินทางเข้าสักการะหลักเมืองเก่า โดยมีประชาชนมอบหลักเมืองจำลองให้กับหัวหน้าพรรค โดยฝากหัวหน้าพรรคให้ช่วยดูแลคุ้มครองเมืองพัทลุงอีกด้วย หลังจากนั้น ทางคณะเดินทางไปสัมผัสวิถีเกษตรเกี่ยวกับการผลิตข้าวสังข์หยด ต.ชัยบุรี และเยี่ยมชมศูนย์รวมหัตถกรรมกะลาลุงปลื้ม ซึ่งในอดีต ลุงปลื้มเคยได้รับการช่วยเหลือจากอดีตนายกฯทักษิณ พาไปดูงานและขายสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงซื้อขายกันเช่นเดิม
โดยนายจาตุรนต์เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การลงพื้นที่หาเสียงในภาคใต้ ระหว่างลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ที่ จ.พัทลุง และตรัง ในวันที่ 2 โดยระบุว่า จากการรับฟังเสียงสะท้อนปัญหาที่ชาวภาคใต้เผชิญมาตลอดระยะเวลา 4-5 ปี พบว่า ต่างไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและไม่ตอบโจทย์ความต้องการคนพื้นที่ ทั้งที่ภาคใต้มีทรัพยากรและศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง รวมถึงประเทศชาติโดยรวมได้ และประชาชนภาคใต้ต้องการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่การเมืองและเศรษฐกิจ
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ระบุถึงสภาพการที่เป็นโอกาสให้พรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พรรคการเมืองเก่าแก่ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มานานจะได้รับโอกาส จึงต้องมุ่งชี้ให้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาภาคใต้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาราคายางพารา, ประมง และการท่องเที่ยว ของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่า เป็นอย่างไร และมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงการชวนคนใต้พิจารณาถึงพรรคการเมืองที่เคยนิยมนั้น มีศักยภาพที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะหากคะแนนเสียงไม่พอ ก็ต้องไปร่วมกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหา และหากคะแนนเสียงกระจายไปหลายพรรค ก็จะทำให้พรรคเก่าแก่ได้ที่นั่ง ส.ส. เช่นเดิมไม่อาจออกจากวงจรเก่า ๆ ได้
นายจาตุรนต์ ยังยืนยันถึงไม้เด็ดของพรรคไทยรักษาชาติที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนภาคใต้ ว่า คือ การที่พรรคมีบุคลากรที่มีประสบการณ์และทีมเศรษฐกิจมืออาชีพที่เคยประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายและแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้คนทั้งประเทศมาแล้ว ไม่เฉพาะภาคใต้เท่านั้น
สำหรับช่วงเย็นพรรคไทยรักษาชาติจะเปิดเวทีปราศรัยที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพัทลุง และยังจะมีเวทีปราศรัยอีกแห่งที่ อ.นาโยง จ.ตรัง โดยแกนนำพรรคและทีมผู้ปราศรัยจะวิ่งรอกสลับเวทีทั้ง 2 แห่งด้วย
พรรคไทยรักษาชาติ นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค, นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พร้อมแกนนำพรรคและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เดินสายปราศรัยภาคใต้ วันที่ 2 ที่ จ.พัทลุง เริ่มจากเดินพบปะพี่น้องประชาชนที่ตลาดเพียรยินดีภายในเขตเทศบาล และพูดคุยกับร้านค้าที่เป็นอาคารพาณิชย์ย่านกลางเมือง โดยได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่นและทักทายอย่างเป็นกันเอง
ขณะที่ พ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสดเทศบาลเมืองพัทลุง สะท้อนปัญหาว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ขายสินค้าไม่ค่อยได้ ถึงขนาดที่ว่า บางตรอกซอกซอยมีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ จึงอยากให้พรรคไทยรักษาชาติเข้ามาแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ โดยแม่ค้ากล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ในอดีตจะมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ครองใจพี่น้องชาวใต้มาอย่างยาวนาน แต่ตอนนี้พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงและให้โอกาส ทษช. เข้ามาทำงานเพื่อประโยชน์กับประชาชนชาวพัทลุงบ้าง
นอกจากนี้ ทางคณะเดินทางเข้าสักการะหลักเมืองเก่า โดยมีประชาชนมอบหลักเมืองจำลองให้กับหัวหน้าพรรค โดยฝากหัวหน้าพรรคให้ช่วยดูแลคุ้มครองเมืองพัทลุงอีกด้วย หลังจากนั้น ทางคณะเดินทางไปสัมผัสวิถีเกษตรเกี่ยวกับการผลิตข้าวสังข์หยด ต.ชัยบุรี และเยี่ยมชมศูนย์รวมหัตถกรรมกะลาลุงปลื้ม ซึ่งในอดีต ลุงปลื้มเคยได้รับการช่วยเหลือจากอดีตนายกฯทักษิณ พาไปดูงานและขายสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่น จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังคงซื้อขายกันเช่นเดิม
โดยนายจาตุรนต์เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การลงพื้นที่หาเสียงในภาคใต้ ระหว่างลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ที่ จ.พัทลุง และตรัง ในวันที่ 2 โดยระบุว่า จากการรับฟังเสียงสะท้อนปัญหาที่ชาวภาคใต้เผชิญมาตลอดระยะเวลา 4-5 ปี พบว่า ต่างไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและไม่ตอบโจทย์ความต้องการคนพื้นที่ ทั้งที่ภาคใต้มีทรัพยากรและศักยภาพในการพัฒนาตัวเอง รวมถึงประเทศชาติโดยรวมได้ และประชาชนภาคใต้ต้องการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่การเมืองและเศรษฐกิจ
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ระบุถึงสภาพการที่เป็นโอกาสให้พรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พรรคการเมืองเก่าแก่ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่มานานจะได้รับโอกาส จึงต้องมุ่งชี้ให้เห็นถึงแนวทางการพัฒนาภาคใต้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาราคายางพารา, ประมง และการท่องเที่ยว ของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่า เป็นอย่างไร และมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงการชวนคนใต้พิจารณาถึงพรรคการเมืองที่เคยนิยมนั้น มีศักยภาพที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะหากคะแนนเสียงไม่พอ ก็ต้องไปร่วมกับพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหา และหากคะแนนเสียงกระจายไปหลายพรรค ก็จะทำให้พรรคเก่าแก่ได้ที่นั่ง ส.ส. เช่นเดิมไม่อาจออกจากวงจรเก่า ๆ ได้
นายจาตุรนต์ ยังยืนยันถึงไม้เด็ดของพรรคไทยรักษาชาติที่จะได้รับการสนับสนุนจากคนภาคใต้ ว่า คือ การที่พรรคมีบุคลากรที่มีประสบการณ์และทีมเศรษฐกิจมืออาชีพที่เคยประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายและแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้คนทั้งประเทศมาแล้ว ไม่เฉพาะภาคใต้เท่านั้น
สำหรับช่วงเย็นพรรคไทยรักษาชาติจะเปิดเวทีปราศรัยที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพัทลุง และยังจะมีเวทีปราศรัยอีกแห่งที่ อ.นาโยง จ.ตรัง โดยแกนนำพรรคและทีมผู้ปราศรัยจะวิ่งรอกสลับเวทีทั้ง 2 แห่งด้วย
