"ปอร์เช่ 911 โฉมใหม่ (992)" สปอร์ตคาร์เบอร์ 1 ของโลก ... ใครก็โค่นยาก
ในระยะหลังรถยนต์ 'ปอร์เช่' รุ่นใหม่ ๆ โดย "เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส" ผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ ทำราคาตํ่าลงแบบยกแผงเลยนะครับ ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่คิดตามการปล่อยไอเสีย (ซึ่งปอร์เช่ก็ใช้เทคนิคดาวน์ไซส์ซิง หรือ ลดขนาดเครื่องยนต์ลงมา พร้อมพ่วงด้วยเทอร์โบ) ค่าเงินบาทต่อยูโรแข็งขึ้น และแผนงานด้านราคาของค่ายรถจากเยอรมนีเอง ทำให้รถหลายรุ่นราคาลดลงเป็นล้าน
กลุ่มปลั๊ก-อินไฮบริดใน "คาเยนน์ พานาเมรา" นั้น ได้ภาษีสรรพสามิตตํ่า ทำราคาขายได้น่าสนใจอยู่แล้ว (เครื่องยนต์อื่นไม่ต้องขายกันเลย) ส่วนกลุ่มสปอร์ต 718 บ็อกเตอร์-เคย์แมน หลังปรับตำแหน่งการตลาดใหม่ ราคาก็เย้ายวน
ส่วนพี่ใหญ่ 911 ถ้าไล่ตั้งแต่รหัส 997 รุ่น "คาร์เรรา" เริ่มต้นต้องกำเงินแถว ๆ 15 ล้านบาท จากนั้นราคาค่อยๆ ลงมาเรื่อย ๆ เมื่อเป็นรหัส 991
ล่าสุด ปอร์เช่ 991 โฉมใหม่ รหัสตัวถัง 992 เปิดตลาดด้วยตัวถังคูเป้รุ่น "คาร์เรรา เอส" และ "คาร์เรรา 4 เอส" ทันที ในเมืองไทยน่าจะเห็นตัวเป็น ๆ ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2019
โดยรุ่นแรกราคา 12.15 ล้านบาท รุ่นหลัง 12.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นที่แยกมูลค่าของออพชันบางตัวออกมา (เพื่อคำนวณภาษี) เช่น ระบบไฟ LED PDLS ระบบช่วยนำรถเข้าจอด สปอร์ตโครโนแพ็กเกจ ระบบช่วยเหลือในการเปลี่ยนช่องทางวิ่ง และระบบพับกระจกข้างด้วยไฟฟ้า เป็นต้น (มูลค่ารวม 6.58 แสนบาท)
เจเนอเรชันที่ 8 ของ "ปอร์เช่ 911" เปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีที่แล้ว ในงาน "แอลเอ มอเตอร์โชว์ 2018" และสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปลองขับที่เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน
911 โฉมใหม่ พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ MMB ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกของรถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ถูกคิดเผื่อถึงอนาคต เพื่อรองรับกับขุมพลังไฮบริดด้วย
เลย์เอาต์เครื่องยนต์วางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง (ถ้า 4S เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วย) รูปลักษณ์ตัวถังคูเป้แบบ 2+2 ที่นั่ง ยังยึดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งไฟหน้าดวงกลม (ตากบ) หลังคาโค้งลาดเอียงไปทางด้านหลัง แต่เพิ่มเส้นสายตรงฝากระโปรงหน้า
การออกแบบโดยรวมดูบึกบึน เห็นได้ชัดจากซุ้มล้อหลังที่ใหญ่ขึ้น รับกับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ส่วนล้อด้านหน้าขนาด 20 นิ้ว
ด้านมิติตัวถังยาวขึ้น 20 มม. แต่ระยะฐานล้อเท่าเดิม ส่วนความสูงเพิ่มขึ้น 4 มม. ขณะที่ ด้านหน้ากว้างขึ้น 45 มม. หลังกว้างขึ้น 44 มม.
การขึ้นรูปตัวถังใช้วัสดุอะลูมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประตูข้างซ้าย-ขวา ซึ่งรวม ๆ ช่วยให้ตัวถังมีนํ้าหนักเบาลง 12 กิโลกรัม
เดอะนิว 911 ปอร์เช่ เคลมว่า ใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น และฉลาดขึ้นครับ ซึ่งเรื่องแรกนั้นอาจรู้สึกไม่ชัดเจน เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร
ส่วนเรื่องเร็วขึ้น มีตัวเลขยืนยันจากการพัฒนาขุมพลังใหม่ โดยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมหัวฉีด Piezo ปรับการจุดระเบิดและอัตราส่วนกำลังอัดใหม่ รีดกำลังดัวยชุดเทอร์โบคู่แบบสมมาตร ที่ปรับทั้งทางเดินไอเสียและตัวเทอร์โบใหญ่ขึ้น ควบคุมด้วยเวสต์เกตไฟฟ้า สอดคล้องกับอินเตอร์คูลเลอร์ที่ออกแบบใหม่และใหญ่ขึ้น หวังการตอบสนองที่รวดเร็วของชุดเทอร์โบคู่
สุดท้ายประสิทธิผลในรุ่น "คาร์เรรา เอส" ได้แรงม้าเพิ่มขึ้น 30 ตัว เป็น 450 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 30 นิวตัน-เมตร เป็น 530 นิวตัน-เมตร ทั้งยังยกชุดเกียร์คลัตช์คู่ PDK ใหม่ จากเดิม 7 สปีด เป็น 8 สปีด
การเดินทางไปบาเลนเซีย ประเทศสเปน ครั้งนี้ นอกจากจะได้กินส้มหวานฉ่ำที่ผมเห็นผลิดอกออกผลเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว (เมืองนี้มีผลผลิตส้มออกทั้งปี) ทีมงานปอร์เช่ยังปิดสนามแข่งรถทางเรียบ "ริคาร์โด ตอร์โม" (ใช้แข่งขันโมตอร์จีพี) เพื่อใช้เป็นการส่วนตัวให้ผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกได้มาตะบี้ตะบัน 911 โฉมใหม่ แบบไม่ต้องเกรงใจใคร
สำหรับสนามแข่ง "ริคาร์โด โตโม" มีความยาวต่อรอบ 4.005 กิโลเมตร วิ่งแบบทวนเข็มนาฬิกา นับโค้งได้รวม 14 โค้ง ผู้สื่อข่าวหนึ่งท่านจะได้ขับคนละ 5 รอบ ไม่รวมออกไปขับบนท้องถนนจริงในบาเลนเซียอีก 100-150 กม. ซึ่งใช้เวลาทั้งวันนั่นละครับ
ผมลองขับปอร์เช่ 911 คาร์เรรา เอส พวงมาลัยซ้าย ไม่มีเวลาทำความคุ้นเคยมากนักครับ เข้าไปนั่งปุ๊บหาปุ่มที่บิดสตาร์ตรถแทบไม่เจอ (เป็นระบบ Keyless) คันเกียร์ย่อขนาดลงมาเหลือแท่งนิดเดียว ใช้ 2 นิ้ว ขยับเขี่ยเลื่อนลงมาตำแหน่ง D เพื่อค่อย ๆ ออกตัว และลองประเมินสมรรถนะรถและสภาพสนามก่อนในรอบแรก
เมื่อถึงรอบ 2 ผมใช้ความเร็วมากขึ้น (ตามคันหน้า) ช่วงทางตรงหน้าเมนสแตนด์ กดได้สูงสุดถึง 200 กม./ชม. และไม่น่าเชื่อว่า เบรกมหัศจรรย์ที่ช่วยลดความเร็วดังกล่าวลงมาถึง 80-90 กม./ชม. ได้รวดเร็วและนุ่มนวลในเวลาไม่กี่วินาที ก่อนที่จะควบคุมพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายผ่านในโค้งแรกได้สบาย ๆ
เสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อ คำรามหวานหู มาพร้อมการควบคุมที่เชื่องมือ ปอร์เช่แจ้งว่า ปรับการตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้าให้แม่นยำมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงล่าง (โช้ก อัพ) ที่ปรับความหนืดตามสภาพการขับขี่ โดยแบรนด์ดังจากเยอรมนียังยํ้าว่า พัฒนาซอฟต์แวร์อัจฉริยะสำหรับโช้กอัพด้วยทีมงานของตนเอง
หลังจากจัดหนักอัดเต็มในสนามแข่ง สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับ 3.5 วินาที พบว่า 911 โฉมใหม่ ยังเป็นรถที่ทำให้ผู้ขับมั่นใจในทุกสภาพถนน แม้จะทำซ่ากดคันเร่งไปหนัก ๆ หักเลี้ยวเร็ว หรือ แรงไปในบางโค้ง แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง รถจะช่วยจัดการทิศทางให้กลับมาอยู่ในจังหวะที่ควรจะเป็น แบบพร้อมลุยต่อ โดยคนขับไม่ตกใจและไร้กังวลกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายหน้า
ฉะนั้น เรื่องความเร็วมาพร้อมความมั่นใจแน่นอนครับ ส่วนความฉลาดที่ปอร์เช่เขาคุยไว้ ก็เหมือนระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ที่รถยุโรปเขามีกัน ด้วยการใช้กล้อง 4 ตัวรอบคัน พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพการจราจรภายนอก ทั้งช่วงกลางวันและยามมืด คอยเตือนและช่วยเบรก รวมถึงระบบใหม่ "โหมดการขับขี่ Wet" เพิ่มความปลอดภัยบนถนนเปียกลื่น
รวบรัดตัดความ ... ที่ผ่าน ๆ มา เมื่อสปอร์ตคาร์ หรือ ซูเปอร์คาร์ ชั้นดีของโลก เปิดตัวใหม่ มักถูกตั้งฉายาว่า "911คิลเลอร์" หรือ ผู้ที่จะมาฆ่าความสุดยอดของ 911 แต่สุดท้ายใน 2 ทศวรรษมานี้ ผมไม่เห็นใครประสบความสำเร็จจากฉายานี้อย่างชัดเจน นั่นเพราะ "ปอร์เช่ 911" ไม่ได้โดดเด่นแค่ความแรงเท่านั้น แต่มีความละเมียดละไมในการขับขี่ที่หาตัวจับยาก ขณะเดียวกันจากรุ่นสู่รุ่นเขาก็พัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น อัตราส่วนแรงม้าต่อนำ้หนักของรถดีขึ้นในทุกเจเนอเรชัน ที่สำคัญยังมีทางเลือกที่หลากหลาย (สมรรถนะแบบดิบ ๆ ก็มี)
ด้วยเลย์เอาต์เครื่องยนต์วางหลังได้แรงกดด้านท้าย แถมเครื่องยนต์เป็นสูบนอนที่มีศูนย์ถ่วงต่ำ ได้ความสมดุล (รุ่นใหม่พยายามทำชิ้นส่วนทุกอย่างให้สมมาตรมากขึ้น) พร้อมเซ็ตการกระจายกำลัง การกระจายน้ำหนัก ในเชิงโครงสร้างกลไกลและระบบไฟฟ้า เพื่อการควบคุมที่เด็ดคาด เข้าโค้งเฉียบคม
ใครมีศักยภาพทางการเงินเพียงพอ นี่คือ สปอร์ตคาร์ที่น่าเป็นเจ้าของเมื่อเทียบชื่อชั้น (มูลค่า, คุณค่าของปอร์เช่ 911 ที่สั่งสมมานาน) และคุ้มค่าจากอัตราส่วนของแรงม้ากับราคาที่จ่ายไป ซึ่งซูเปอร์คาร์บางรุ่นที่ราคาเกิน 20 ล้านบาท ยังขับสู้ไม่ได้ในเรื่องความเนียนโดยรวมครับ (ได้แต่แรงอย่างเดียว) ที่สำคัญ 911 ยังเป็นรถที่ขับได้จริงในชีวิตประจำวัน ทุกวันครับ
ส่วนโฉมใหม่ 992 ยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นไปอีก แบบนี้ใครก็โค่นบัลลังค์สปอร์ตคาร์เบอร์หนึ่งของโลกยากครับ
| โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,440 วันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
กลุ่มปลั๊ก-อินไฮบริดใน "คาเยนน์ พานาเมรา" นั้น ได้ภาษีสรรพสามิตตํ่า ทำราคาขายได้น่าสนใจอยู่แล้ว (เครื่องยนต์อื่นไม่ต้องขายกันเลย) ส่วนกลุ่มสปอร์ต 718 บ็อกเตอร์-เคย์แมน หลังปรับตำแหน่งการตลาดใหม่ ราคาก็เย้ายวน
ส่วนพี่ใหญ่ 911 ถ้าไล่ตั้งแต่รหัส 997 รุ่น "คาร์เรรา" เริ่มต้นต้องกำเงินแถว ๆ 15 ล้านบาท จากนั้นราคาค่อยๆ ลงมาเรื่อย ๆ เมื่อเป็นรหัส 991
ล่าสุด ปอร์เช่ 991 โฉมใหม่ รหัสตัวถัง 992 เปิดตลาดด้วยตัวถังคูเป้รุ่น "คาร์เรรา เอส" และ "คาร์เรรา 4 เอส" ทันที ในเมืองไทยน่าจะเห็นตัวเป็น ๆ ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2019
โดยรุ่นแรกราคา 12.15 ล้านบาท รุ่นหลัง 12.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาเริ่มต้นที่แยกมูลค่าของออพชันบางตัวออกมา (เพื่อคำนวณภาษี) เช่น ระบบไฟ LED PDLS ระบบช่วยนำรถเข้าจอด สปอร์ตโครโนแพ็กเกจ ระบบช่วยเหลือในการเปลี่ยนช่องทางวิ่ง และระบบพับกระจกข้างด้วยไฟฟ้า เป็นต้น (มูลค่ารวม 6.58 แสนบาท)
เจเนอเรชันที่ 8 ของ "ปอร์เช่ 911" เปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีที่แล้ว ในงาน "แอลเอ มอเตอร์โชว์ 2018" และสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปลองขับที่เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน
911 โฉมใหม่ พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ MMB ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกของรถยนต์ปอร์เช่ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ถูกคิดเผื่อถึงอนาคต เพื่อรองรับกับขุมพลังไฮบริดด้วย
เลย์เอาต์เครื่องยนต์วางหลัง ขับเคลื่อนล้อหลัง (ถ้า 4S เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วย) รูปลักษณ์ตัวถังคูเป้แบบ 2+2 ที่นั่ง ยังยึดการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งไฟหน้าดวงกลม (ตากบ) หลังคาโค้งลาดเอียงไปทางด้านหลัง แต่เพิ่มเส้นสายตรงฝากระโปรงหน้า
การออกแบบโดยรวมดูบึกบึน เห็นได้ชัดจากซุ้มล้อหลังที่ใหญ่ขึ้น รับกับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ส่วนล้อด้านหน้าขนาด 20 นิ้ว
ด้านมิติตัวถังยาวขึ้น 20 มม. แต่ระยะฐานล้อเท่าเดิม ส่วนความสูงเพิ่มขึ้น 4 มม. ขณะที่ ด้านหน้ากว้างขึ้น 45 มม. หลังกว้างขึ้น 44 มม.
การขึ้นรูปตัวถังใช้วัสดุอะลูมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประตูข้างซ้าย-ขวา ซึ่งรวม ๆ ช่วยให้ตัวถังมีนํ้าหนักเบาลง 12 กิโลกรัม
เดอะนิว 911 ปอร์เช่ เคลมว่า ใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น และฉลาดขึ้นครับ ซึ่งเรื่องแรกนั้นอาจรู้สึกไม่ชัดเจน เมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร
ส่วนเรื่องเร็วขึ้น มีตัวเลขยืนยันจากการพัฒนาขุมพลังใหม่ โดยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พร้อมหัวฉีด Piezo ปรับการจุดระเบิดและอัตราส่วนกำลังอัดใหม่ รีดกำลังดัวยชุดเทอร์โบคู่แบบสมมาตร ที่ปรับทั้งทางเดินไอเสียและตัวเทอร์โบใหญ่ขึ้น ควบคุมด้วยเวสต์เกตไฟฟ้า สอดคล้องกับอินเตอร์คูลเลอร์ที่ออกแบบใหม่และใหญ่ขึ้น หวังการตอบสนองที่รวดเร็วของชุดเทอร์โบคู่
สุดท้ายประสิทธิผลในรุ่น "คาร์เรรา เอส" ได้แรงม้าเพิ่มขึ้น 30 ตัว เป็น 450 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้น 30 นิวตัน-เมตร เป็น 530 นิวตัน-เมตร ทั้งยังยกชุดเกียร์คลัตช์คู่ PDK ใหม่ จากเดิม 7 สปีด เป็น 8 สปีด
การเดินทางไปบาเลนเซีย ประเทศสเปน ครั้งนี้ นอกจากจะได้กินส้มหวานฉ่ำที่ผมเห็นผลิดอกออกผลเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว (เมืองนี้มีผลผลิตส้มออกทั้งปี) ทีมงานปอร์เช่ยังปิดสนามแข่งรถทางเรียบ "ริคาร์โด ตอร์โม" (ใช้แข่งขันโมตอร์จีพี) เพื่อใช้เป็นการส่วนตัวให้ผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกได้มาตะบี้ตะบัน 911 โฉมใหม่ แบบไม่ต้องเกรงใจใคร
สำหรับสนามแข่ง "ริคาร์โด โตโม" มีความยาวต่อรอบ 4.005 กิโลเมตร วิ่งแบบทวนเข็มนาฬิกา นับโค้งได้รวม 14 โค้ง ผู้สื่อข่าวหนึ่งท่านจะได้ขับคนละ 5 รอบ ไม่รวมออกไปขับบนท้องถนนจริงในบาเลนเซียอีก 100-150 กม. ซึ่งใช้เวลาทั้งวันนั่นละครับ
ผมลองขับปอร์เช่ 911 คาร์เรรา เอส พวงมาลัยซ้าย ไม่มีเวลาทำความคุ้นเคยมากนักครับ เข้าไปนั่งปุ๊บหาปุ่มที่บิดสตาร์ตรถแทบไม่เจอ (เป็นระบบ Keyless) คันเกียร์ย่อขนาดลงมาเหลือแท่งนิดเดียว ใช้ 2 นิ้ว ขยับเขี่ยเลื่อนลงมาตำแหน่ง D เพื่อค่อย ๆ ออกตัว และลองประเมินสมรรถนะรถและสภาพสนามก่อนในรอบแรก
เมื่อถึงรอบ 2 ผมใช้ความเร็วมากขึ้น (ตามคันหน้า) ช่วงทางตรงหน้าเมนสแตนด์ กดได้สูงสุดถึง 200 กม./ชม. และไม่น่าเชื่อว่า เบรกมหัศจรรย์ที่ช่วยลดความเร็วดังกล่าวลงมาถึง 80-90 กม./ชม. ได้รวดเร็วและนุ่มนวลในเวลาไม่กี่วินาที ก่อนที่จะควบคุมพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายผ่านในโค้งแรกได้สบาย ๆ
เสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อ คำรามหวานหู มาพร้อมการควบคุมที่เชื่องมือ ปอร์เช่แจ้งว่า ปรับการตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้าให้แม่นยำมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วงล่าง (โช้ก อัพ) ที่ปรับความหนืดตามสภาพการขับขี่ โดยแบรนด์ดังจากเยอรมนียังยํ้าว่า พัฒนาซอฟต์แวร์อัจฉริยะสำหรับโช้กอัพด้วยทีมงานของตนเอง
หลังจากจัดหนักอัดเต็มในสนามแข่ง สัมผัสอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ระดับ 3.5 วินาที พบว่า 911 โฉมใหม่ ยังเป็นรถที่ทำให้ผู้ขับมั่นใจในทุกสภาพถนน แม้จะทำซ่ากดคันเร่งไปหนัก ๆ หักเลี้ยวเร็ว หรือ แรงไปในบางโค้ง แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง รถจะช่วยจัดการทิศทางให้กลับมาอยู่ในจังหวะที่ควรจะเป็น แบบพร้อมลุยต่อ โดยคนขับไม่ตกใจและไร้กังวลกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายหน้า
ฉะนั้น เรื่องความเร็วมาพร้อมความมั่นใจแน่นอนครับ ส่วนความฉลาดที่ปอร์เช่เขาคุยไว้ ก็เหมือนระบบอัจฉริยะต่าง ๆ ที่รถยุโรปเขามีกัน ด้วยการใช้กล้อง 4 ตัวรอบคัน พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับสภาพการจราจรภายนอก ทั้งช่วงกลางวันและยามมืด คอยเตือนและช่วยเบรก รวมถึงระบบใหม่ "โหมดการขับขี่ Wet" เพิ่มความปลอดภัยบนถนนเปียกลื่น
รวบรัดตัดความ ... ที่ผ่าน ๆ มา เมื่อสปอร์ตคาร์ หรือ ซูเปอร์คาร์ ชั้นดีของโลก เปิดตัวใหม่ มักถูกตั้งฉายาว่า "911คิลเลอร์" หรือ ผู้ที่จะมาฆ่าความสุดยอดของ 911 แต่สุดท้ายใน 2 ทศวรรษมานี้ ผมไม่เห็นใครประสบความสำเร็จจากฉายานี้อย่างชัดเจน นั่นเพราะ "ปอร์เช่ 911" ไม่ได้โดดเด่นแค่ความแรงเท่านั้น แต่มีความละเมียดละไมในการขับขี่ที่หาตัวจับยาก ขณะเดียวกันจากรุ่นสู่รุ่นเขาก็พัฒนาวิศวกรรมยานยนต์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น อัตราส่วนแรงม้าต่อนำ้หนักของรถดีขึ้นในทุกเจเนอเรชัน ที่สำคัญยังมีทางเลือกที่หลากหลาย (สมรรถนะแบบดิบ ๆ ก็มี)
ด้วยเลย์เอาต์เครื่องยนต์วางหลังได้แรงกดด้านท้าย แถมเครื่องยนต์เป็นสูบนอนที่มีศูนย์ถ่วงต่ำ ได้ความสมดุล (รุ่นใหม่พยายามทำชิ้นส่วนทุกอย่างให้สมมาตรมากขึ้น) พร้อมเซ็ตการกระจายกำลัง การกระจายน้ำหนัก ในเชิงโครงสร้างกลไกลและระบบไฟฟ้า เพื่อการควบคุมที่เด็ดคาด เข้าโค้งเฉียบคม
ใครมีศักยภาพทางการเงินเพียงพอ นี่คือ สปอร์ตคาร์ที่น่าเป็นเจ้าของเมื่อเทียบชื่อชั้น (มูลค่า, คุณค่าของปอร์เช่ 911 ที่สั่งสมมานาน) และคุ้มค่าจากอัตราส่วนของแรงม้ากับราคาที่จ่ายไป ซึ่งซูเปอร์คาร์บางรุ่นที่ราคาเกิน 20 ล้านบาท ยังขับสู้ไม่ได้ในเรื่องความเนียนโดยรวมครับ (ได้แต่แรงอย่างเดียว) ที่สำคัญ 911 ยังเป็นรถที่ขับได้จริงในชีวิตประจำวัน ทุกวันครับ
ส่วนโฉมใหม่ 992 ยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้นไปอีก แบบนี้ใครก็โค่นบัลลังค์สปอร์ตคาร์เบอร์หนึ่งของโลกยากครับ
| โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,440 วันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
