ตลาดอี-วอลเล็ตเดือด แบงก์ผนึกเจดี ฟินเทค ส่ง Dolfin สู้ศึก

29 ม.ค. 2562 | 07:28 น.
เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค ผนึกธนาคารกรุงเทพ-กสิกรไทย เปิดแอพพลิเคชั่น ดอลฟิน วอลเล็ต กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ด้าน “กสิกรไทย” มองตลาดอี-วอลเล็ต เปลี่ยนรูปแบบแข่งขัน ดึงลูกค้าใช้บริการ จากเดิมมุ่งหาจุดรับชำระ เผยทั้งระบบมีมูลค่า 1.26 แสนล้านบาท ผู้เล่นกว่า 30 ราย สอดคล้องยอดธุรกรรม K PLUS เติบโตพุ่ง 70% ฟาก “เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค” มั่นใจ 90 วัน ธปท.อนุมัติพร้อมเดินเครื่องเจาะลูกค้าใช้ 4-5 ล้านราย เน้นฐานลูกค้าเซ็นทรัล-ธนาคาร-นักศึกษา ส่วน “กรุงเทพ” ยันลูกค้าสามารถใช้บริการมากกว่า 3 ล้านร้านค้า

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) มีแนวโน้มผู้ประกอบการเปิดให้บริการมากมาย เนื่องจากเดิมผู้ให้บริการจะต้องหาจุดรับชำระในจำนวนมาก ซึ่งผู้ประกอบการรายใดมีจุดรับชำระจะค่อนข้างได้เปรียบ แต่ปัจจุบันการแข่งขันจะเปลี่ยนรูปแบบที่จะกระตุ้นให้คนหยิบ e-Wallet ของตัวเองขึ้นมาใช้ อย่างไรก็ดี ตลาด e-Wallet ได้รับความนิยมมากขึ้นภายหลังจากค่าธรรมเนียมที่ปรับลดลง จะเห็นได้ว่ายอดธุรกรรมจะมีความถี่มากขึ้น และวงเงินในการใช้จ่ายน้อยลง

ทั้งนี้ จากตัวเลขตลาด e-Wallet ในปี 2561 ทั้งระบบมีมูลค่าอยู่ที่ 1.26 แสนล้านบาท โดยมีผู้ให้บริการ e-Wallet ทั้งสิ้นอยู่ที่ 30 ราย ซึ่งในส่วนของธนาคารกสิกรไทย จะเห็นตัวเลขหลังเดือนมีนาคมที่ผ่านมายอดการทำธุรกรรมบน K PLUS ทั้งในส่วนของ โอนเงิน เติมเงิน จ่ายเงินมีปริมาณเติบโตเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว โดยมียอดธุรกรรมอยู่ที่ 5,200 ล้านรายการ คิดเป็นการเติบโตสูงถึง 70% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าอยู่ที่ 8.1 ล้านล้านบาท เติบโต 42% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากฐานลูกค้าที่ใช้ K PLUS อยู่ที่ 10 ล้านราย

อย่างไรดี ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ได้ร่วมมือกับ เซ็นทรัล เจดี มันนี่ บริษัทในเครือของ เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค โฮลดิ้ง เปิดตัว “ดอลฟิน วอลเล็ท (Dolfin Wallet) แอพพลิเคชั่นอี-วอลเล็ต หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นรายแรกที่รองรับการชำระและโอนเงินแบบครบครันทุกช่องทาง ตั้งแต่การเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และบัตรเครดิต การเติมเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ CenPay ทุกสาขาทั่วประเทศ ตลอดจนการรองรับการรับโอนเงินรูปแบบใหม่ (พร้อมเพย์) เต็มรูปแบบ

“แอพพลิเคชั่น Dolfin จะเป็น อี-วอลเล็ต รุ่นแรกที่วิ่งอยู่บน QR Standard ซึ่งสามารถใช้ตามจุดอีดีซีที่เรามีมากกว่า 3 แสนจุด ซึ่งง่ายต่อการรับจ่ายเงิน แต่เรามองว่าไทยจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสด น่าจะเกิดขึ้นในอีก 10-15 ปีข้างหน้า และโลกของแบงก์จะเปลี่ยนจากผู้เคลื่อนย้ายเงิน รับฝากเงิน ปล่อยสินเชื่อ และตั้งรับอยู่บนสาขา เปลี่ยนเป็นการตั้งรับบนแอพพลิเคชั่น และไปพร้อมพันธมิตรที่เจาะตลาดชีวิตประจำวันลูกค้า”

นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล เจดี ฟินเทค กล่าวว่า แอพพลิเคชั่นอี-วอลเล็ต Dolfin ถือเป็นอี-วอลเล็ตเจ้าแรกที่นำระบบ E-KYC มาใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดขั้นตอนในการลงทะเบียนเปิดบริการ ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใน 90 วัน หรือในราวเดือนมีนาคม-เมษายน เนื่องจากระบบมีความพร้อมแล้ว ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการภายใน 12 เดือน คาดว่าจะมีผู้สนใจใช้บริการ Dolfin Wallet ราว 4-5 ล้านราย ซึ่งส่วนหนึ่งจะมาจากฐานลูกค้าเซ็นทรัลเดอะวันการ์ดที่มีอยู่ 15 ล้านราย รวมถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งจะเป็น 3 กลุ่มหลักที่บริษัทจะมุ่งเน้นในการขยายฐานลูกค้าและผู้ใช้บริการ Dolfin Wallet

นอกจากนี้ความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพและกสิกรไทยแล้ว ในอนาคตจะขยายพันธมิตรธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อจะขยายไปสู่จุดรับชำระหรือเครื่องอีดีซีร่วมกัน ตลอดจนการดึงฐานลูกค้าธนาคารเข้ามาอยู่ใน Dolfin Wallet และต่อยอดการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ กับลูกค้าต่อเนื่อง

“ตลาดการแข่งขันของอี-วอลเล็ต ไม่มีใครเป็นอันดับหนึ่ง เพราะถ้ามีคงไม่มีใครใช้เงินสด จึงเป็นโอกาสของเราที่จะเติบโตในธุรกิจนี้ ซึ่งเราจะทำโปรโมชั่นให้กับลูกค้า พร้อมขยายไปยังพันธมิตรรายอื่นๆ ตามมา”

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายหลังจากธปท.อนุมัติให้ Dolfin Wallet สามารถใช้บริการได้ และเชื่อมโยงเข้ากับบริการพร้อมเพย์ตะยิ่งทำให้ผู้ใช้บริการ Dolfin Wallet สแกนคิวอาร์โค้ดชำระค่าสินค้ากับร้านค้าที่รับพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ดที่มีอยู่จำนวน 3 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 090861-1927-9-335x503-8-335x503-9-2-335x503