City Momentum Index ประจำปี 2562 เผยกรุงเทพฯติด 1 ใน 20 เมืองที่มีพลวัตสูงสุดในโลก จากนโยบายไทยแลนด์4.0 ดันภาคการท่องเที่ยวโต และดึงดูดการลงทุนใหม่
[caption id="attachment_380087" align="aligncenter" width="335"]
สุพินท์ มีชูชีพ[/caption]
เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ จัดทำรายงาน City Momentum Index (ดัชนีพลวัตของเมือง) ฉบับประจำปี 2562 เผยว่า กรุงเทพมหานคร ติดอันดับหนึ่งใน 20 เมืองที่มีดัชนีพลวัตสูงสุดในโลก โดยจัดอยู่อันดับ 18 นำหน้าเมืองเสิ่นเจิ้นและเฉิงตูของจีน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 19 และ 20
ทั้งนี้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา พลวัตในภาคเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ค่อยๆ ปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนปัจจัยสำคัญๆ ได้แก่ การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การริเริ่มนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจของประเทศ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นมากในปี 2560 โดยมีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในการร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทย และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โดยกำลังมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า MRT ใหม่สี่สายควบคู่กับการก่อสร้างส่วนต่อขยายของสองสายที่มีอยู่เดิม
สำหรับปี 2562 นี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศไทย ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่า กรุงเทพฯ จะยังสามารถรักษาระดับพลวัตของเมืองได้มากเท่ากับปีที่ผ่านหรือไม่ แม้การประกาศกำหนดการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม ได้รับผลตอบรับที่ดีทั้งจากภาคธุรกิจและประชาคมโลก แต่มีมีการคาดการณ์ว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง
นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล กล่าวว่า “ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจอยู่บ้าง แต่เชื่อว่า หากมีผลกระทบใดๆ เกิดขึ้นจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากความเชื่อมั่นน่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง”
“นอกจากนี้ การขยายจำนวนของประชากรเมืองและปัจจัยพื้นฐานที่เข้มแข็งในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์กลุ่มหลักๆ คาดว่าจะยังคงเอื้อให้เศรษฐกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ของกรุงเทพฯ ยังคงเติบโตต่อไปได้ ซึ่งจะส่งผลให้กรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองที่มีพลวัตสูงต่อไป”
นายเจรามี เคลลีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเจแอลแอลทั่วโลก กล่าวว่าในรายงาน City Momentum Index ของเจแอลแอล เมืองที่มีดัชนีพลวัตสูงสุดในระยะสั้นของโลก 20 เมือง มี 19 เมืองที่อยู่ในเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงระดับความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มสูงขึ้นของเอเชียเหนือภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ทั้งในแง่ของการเติบโตของเมืองและเศรษฐกิจที่มีปัจจัยหนุนสำคัญ ได้แก่ โลกาภิวัฒน์ นวัตกรรม และการเติบโตของจำนวนประชากรในเมือง
โดยรวม พบว่าเมืองของอินเดียและจีนติดอันดับมากที่สุด มีสัดส่วนคิดเป็น 3 ใน 4 ของเมืองที่มีดัชนีพลวัตสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก โดยเมืองที่มีค่าดัชนีสูงสุดคือเบงกาลูรู (ที่หนึ่ง) และไฮเดอราบัด (ที่สอง) ของอินเดีย ตามมาด้วยกรุงฮานอยของเวียดนามในอันดับที่สาม ส่วนเมืองเดียวในกลุ่มที่ได้อยู่ในเอเชียคือกรุงไนโรบี (ที่หก) ของประเทศเคนย่าซึ่งได้รับอานิสงค์จากการที่จีนเข้าไปลงทุนสูงในโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
“เอเชียยังคงเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตสูง โดยเมืองใหญ่ของประเทศต่างๆ ยังคงมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีความสามารถในการดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุน ดึงดูดบริษัทให้เข้ามาเปิดธุรกิจและผู้คนให้เข้ามาทำงาน-อยู่อาศัย”