นักการเมืองฉายฝัน หนุนตั้งตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ดัชนีทะยาน 2,500 จุด

25 ม.ค. 2562 | 11:09 น.
FETCO ชี้เงินสะพัดเลือกตั้ง 5 หมื่นล้าน คาดต่างชาติหวนกลับหุ้นไทย หลังเม.ย.กว่า 1 แสนล้านบาท 7 พรรคการเมืองโชว์นโยบายหนุนตลาดทุน หนุนตั้งตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ดันดัชนีตลาดหุ้นทะยาน 2,500 จุด

[caption id="attachment_379832" align="aligncenter" width="503"] นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายไพบูลย์ นลินทรางกูร[/caption]

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวในงานสัมมนา "นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายใต้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง"ว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น คาดจะมีเม็ดเงินสะพัดอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท โดยหลังการเลือกตั้งหรือช่วงที่ได้รัฐบาลใหม่ ช่วงประมาณเดือนเมษายน 2462 ประเมินว่าจะมีเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้น หรือนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยประมาณ 100,000 ล้านบาท หลังจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 600,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ความกังวลของนักลงทุน ไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคการเมืองใดจะขึ้นมาเป็นรัฐบาลใหม่ แต่ขึ้นอยู่กับการสานต่อนโยบาย การบริหารงานว่าจะเกิน 1.5 ปีหรือไม่ และเดินหน้าอย่างมีเสถียรภาพ

[caption id="attachment_379797" align="aligncenter" width="503"] นายกรณ์ จาติกวณิช นายกรณ์ จาติกวณิช[/caption]

นายกรณ์ จาติกวณิช ประธานกรรมการคณะนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ใน 4 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 2,500 จุด สะท้อนถึงการประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจ, ตั้งเป้าบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีผลประกอบการที่มาจากการค้ากับต่างประเทศ มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50%, การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในตลาดทุน, พิจารณาเรื่องบจ.ที่รัฐวิสาหกิจมีอำนาจผูกขาด และเพิ่มตลาดหลักทรัพย์ฯแห่งที่ 2 หรือตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล( )

[caption id="attachment_379793" align="aligncenter" width="503"] นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง[/caption]

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศ 3 ด้าน คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ซึ่งนโยบายเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันจัดทำได้เกือบ 100% แล้ว ขณะที่ โครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่เป็นประโยชน์ ทางพรรคพร้อมจะสานต่อ โดยอาจจะต้องปรับปรุงให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่ต้องปรับให้มีความสมดุล เพราะบางส่วนให้ประโยชน์กับผู้ประกอบการรายใหญ่มากเกินไป ทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและคนในพื้นที่ไม่สามารถแข่งขันได้

[caption id="attachment_379794" align="aligncenter" width="503"] นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ[/caption]

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ใน 4 ปีข้างหน้า จะผลักดันให้บริษัทใหม่ๆ เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัพ ให้มีโอกาสเกิดและเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น ที่ต้องการให้เกิดเพิ่มมากขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการเพิ่มตลาดโลว์แคปด้วย ขณะเดียวกัน ยังอยากเพิ่มประสิทธิภาพของตลาดหุ้นไทย ด้วยการนำงานวิจัยและบทวิเคราะห์ของโบรกออกมาใช้ให้มากขึ้น เพื่อให้มีความเป็นสากล

[caption id="attachment_379777" align="aligncenter" width="503"] นายอุตตม สาวนายน นายอุตตม สาวนายน[/caption]

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตลาดทุนสามารถมีบทบาทต่อธุรกิจขนาดกลาง เล็ก และเอสเอ็มอีได้ ถ้าคิดถึงและทำให้จริงจัง ซึ่งกองทุนที่จะไปลงทุนในวิสาหกิจชุมชนตั้งแต่สตาร์ทอัพถึงเอสเอ็มอี จะต้องมีการผลักดันให้เกิดการต่อยอดเป็นกองทุนรวมขนาดใหญ่ และนำไปลงทุนในกองทุนเล็ก เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการดังกล่าว นอกจากนี้ ต้องปลดล็อคศักยภาพของตลาดทุน เพราะเป็นมันสมองของประเทศ ความร่ำรวยอยู่ที่ตลาดทุนมหาศาล หากปลดล็อคนำมาใช้ข้างนอกบ้าง จะทำให้ตลาดทุนเองเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน อยากให้ตลาดทุนร่วมกันผลิตที่ปรึกษาทางการเงิน (เอฟเอ) โดยใช้กลไกจากกองทุนพัฒนาตลาดทุน ให้ออกไปช่วยผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กบ้าง เพราะบางรายยังต้องการความช่วยเหลือในการฟื้นฟูกิจการ และยังมีศักยภาพดีอยู่

[caption id="attachment_379796" align="aligncenter" width="503"] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายอนุทิน ชาญวีรกูล[/caption]

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นโยบายของพรรค ต้องการลดความเหลื่อมล้ำในทุกด้าน สร้างความเท่าเทียม เพื่อทำให้ประชาชนทุกคนเลี้ยงปากท้องได้บนความพอเพียง ส่วนนโยบายด้านตลาดทุนต้องทำให้คนเข้าถึงตลาดทุนให้ได้ ผ่านการควบคุมและดูแลให้อยู่บนกฎหมาย กฎระเบียบอันเดียวกัน

[caption id="attachment_379807" align="aligncenter" width="362"] นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์[/caption]

นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคจะให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำ จึงแบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย และผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นหรือไป ซึ่งใน 2 กลุ่มนี้ กลุ่มที่มีความหนาแน่นมากคือกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำ ประกอบด้วยเกษตรกร มนุษย์เงินเดือน และกลุ่มผู้สูงอายุ นอกจากนี้ ในด้านตลาดทุน มองว่าปัจจุบันไม่มีความมั่นคง ทำอย่างไรจึงจะดึงคนเข้าตลาดทุนได้ ควบคู่กับบทบาทของรัฐบาลที่จะต้องดูแลตลาดทุนเพิ่มเติม ทั้งนี้อยากให้ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอเป็นแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบธุรกิจเกษตรและรายย่อย

[caption id="attachment_379806" align="aligncenter" width="503"] นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์[/caption]

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญ 3 ด้าน คือ การรับมือกับความเปลี่ยนแปลง (Disruption) ที่เข้ามาเร็วและจะเป็นตัวกำหนดโลก เพราะฉะนั้นจึงต้องดำเนินนโยบายต่างๆ เช่น โครงการโค้ดไทยแลนด์ นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง, การรับมือกับปัญหาต่างๆ ในประเด็นที่ไทยยังเป็นประเทศกับดักรายได้ปานกลาง รวมถึงด้านสังคมสูงอายุ ที่ควรจะยกเว้นภาษีผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นการเก็บซ้ำซ้อน และอยากให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน อีกทั้งอยากเห็นตลาดทุนเป็นแหล่งรายได้ของคนในประเทศ โปรโมทแทรกอีบุ๊ก