'กฤษฎา' ปลื้มแผนประชารัฐ หนุนเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม

24 ม.ค. 2562 | 11:46 น.
รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงพื้นที่ขอนแก่นติดตามการขับเคลื่อนการส่งเสริมการปลูกพืชหลังฤดูทำนา เชียร์ปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นเพิ่มเติม หวังสร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน ชูนโยบายประชารัฐ ตอบโจทย์ "ตลาดนำการผลิต" สร้างโอกาส สร้างรายได้มั่นคง ลดความเสี่ยงราคาเกษตรผันผวน

thumbnail_IMG_0974
นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนการส่งเสริมการปลูกพืชหลังฤดูทำนาเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ณ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบาย "การตลาดนำการผลิต" โดยวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่มีการบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้เกิดความสมดุล เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิต มีตลาดรองรับที่แน่นอน ผลผลิตไม่ล้นตลาด เกษตรกรมีรายได้และมีความมั่นคงในอาชีพการเกษตรมากยิ่งขึ้น


S__56967253

ทั้งนี้ นโยบายการส่งเสริมการปลูกพืชหลังฤดูทำนาเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร โดยมีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ใช้น้ำน้อย และปัจจุบัน ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งนี้ ได้นำร่องส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นโมเดลต้นแบบและจะขยายผลเพื่อส่งเสริมปลูกพืชชนิดอื่น ๆ หลังฤดูทำนา เช่น พืชผัก และพืชตระกูลถั่ว ต่อไป


thumbnail_IMG_0973

"แนวทางในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมหลังฤดูทำนาปีนั้น ไม่ว่ากระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนให้เกษตรกรปลูก หรือ ทำการเกษตรอะไร จะต้องมีตลาดรองรับ จึงใช้รูปแบบหาตลาดตามแนวทางประชารัฐ เพื่อส่งเสริมให้ภาครัฐ เกษตรกร เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันกำหนดแนวทางการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมีระบบสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเป็นองค์กรกลางในการขับเคลื่อน และเชื่อมั่นว่า การปรับเปลี่ยนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ช่วยให้ราคาสินค้าเกษตรมีเสถียรภาพ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์มีวัตถุดิบใช้อย่างมั่นคง และประหยัดทรัพยากรน้ำอีกด้วย" นายกฤษฎา กล่าว


S__56967254

สำหรับ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น 1,053 ราย พื้นที่เพาะปลูก 6,389.75 ไร่ ในจำนวนนี้เป็นสมาชิกสหกรณ์ จำนวน 64 ราย พื้นที่เพาะปลูก 315 ไร่ ส่วนต้นทุนการผลิตเฉลี่ยที่ 5,190 บาทต่อไร่ คาดว่าจะได้ผลิตผลิตเฉลี่ย 1,800 กก.ต่อไร่ และจะสามารถขายข้าวโพดได้ในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 5 บาท ความชื้น 27-30% (เป็นข้าวโพดฝักแก่เมล็ดติดฝักปลอกเปลือก) ซึ่งสมาชิกจะมีรายได้ประมาณไร่ละ 9,000 บาท เป็นอย่างต่ำ ทำให้เกษตรกรมีกำไรต่อไร่ไม่ต่ำกว่า 3,810 บาทต่อไร่ ซึ่งในปัจจุบันถือว่ามีรายได้มากกว่าการปลูกข้าว ซึ่งมีต้นทุนสูงกว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

S__56967255

595959859