กพช. ไฟเขียว! "แผนพีดีพี 2018"

24 ม.ค. 2562 | 08:49 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ม.ค. 2562 | 16:40 น.
กพช. เห็นชอบแผนพีดีพี 2018 ให้ปรับปรุงตามความต้องการใช้ไฟฟ้า หลังจากพบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มาจากการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองหรือขายตรงมากขึ้น

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 24 ม.ค. 2562 มีมติเห็นชอบแผนพัฒนากาลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (พีดีพี 2018) โดยปรับปรุงตามความต้องการใช้ไฟฟ้า หลังจากพบว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มาจากการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง หรือ ขายตรง (IPS) มากขึ้น ดังนั้น จึงมีการประเมินค่าพยากรณ์ ส่งผลให้แผนพีดีพี 2018 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ปี 2560 อยู่ที่ 46,090 เมกะวัตต์ โดยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 56,431 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าปี 2580 จะอยู่ที่ 77,211 เมกะวัตต์

ในแผนพีดีพี 2018 มีนโยบายเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากขยะทั่วประเทศ จากเดิมกำหนดไว้ที่ 500 เมกะวัตต์ เพิ่มอีก 400 เมกะวัตต์ ภายในปี 2580 ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ศึกษาร่วมกับทางกระทรวงพลังงาน ขณะที่ โรงไฟฟ้าตามนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อีก 120 เมกะวัตต์ รวมเป็น 520 เมกะวัตต์ สำหรับสัดส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าแยกตามประเภทเชื้อเพลิง ณ ปี 2580 ที่ไม่ได้มาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล มีสัดส่วน 35% คือ พลังน้าต่างประเทศ 9% พลังงานหมุนเวียน 20% การอนุรักษ์พลังงาน 6% สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลดลงเหลือ 12% การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จะสอดคล้องกับข้อตกลงของ COP21 ณ ปี 2580 เท่ากับ 0.283 kgCO2/kWh หรือ 103,845 พันตัน


000แผนพีดีพี

"การดูแลค่าไฟฟ้าตามแผนพีดีพี 2018 จะต้องไม่แพงขึ้นจากปัจจุบัน โดย กพช. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานที่จะไปพิจารณาออกแบบระบบกริด เพื่อแนวโน้มค่าไฟฟ้าจะต้องถูกลง เพื่อดึงดูดการลงทุน ดังนั้น จึงมอบหมาย กฟผ. ทำแผนระบบส่งไฟฟ้าของประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคง เชื่อมโยงระบบจ่ายรองรับพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น"

สำหรับโครงการโซลาร์ภาคประชาชน เป็นการติดตั้งโซลาร์บนหลังคาเพื่อใช้เองเป็นหลัก ส่วนที่เหลือสามารถขายเข้าระบบได้ ซึ่งทาง กกพ. อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถเปิดรับซื้อได้ 100 เมกะวัตต์ ส่วนอัตรารับซื้อทาง กกพ. กำลังศึกษา


771

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า กพช. มีมติเห็นชอบปรับปรุงช่วงเวลาการสิ้นสุดอายุสัญญาของ SPP ระบบ Cogeneration กลุ่มต่ออายุสัญญาให้ครอบคลุม SPP ระบบ Cogeneration เป็นปี 2559–2561 เพื่อให้สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของมติ กพช. เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2559 ประเภทสัญญา Firm ระบบ Cogeneration จานวน 25 ราย โดยให้ SPP ระบบ Cogeneration ที่สิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2559-2568 ได้รับการต่ออายุสัญญา หรือ ก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ โดยให้ใช้เชื้อเพลิงตามสัญญาเดิมและได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้าสอดคล้องกับประเภทเชื้อเพลิง และมอบ กกพ. พิจารณาต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้าภายใต้หลักการตามมติ กพช. ดังกล่าว สำหรับโรงไฟฟ้าที่กำลังจะสิ้นสุดอายุสัญญาในปี 2562-2564 และไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ทัน เพื่อให้สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว